ปราสาททราย
ดินแดนหลังภูเขาที่สูงตระหง่าน 5 ลูกตั้งติดต่อกัน มีแม่น้ำที่ไหลจากภูเขาสูง ด้านล่างที่แม่น้ำไหลผ่าน มีเมืองเมืองหนึ่งตั้งอยู่
Find your Heart, Find the Happiness.
หมวดนี้ไม่ใช่หมวดแต่งเพลง..แต่เอาชื่อเพลงมาเป็นชื่อเรื่อง
ดินแดนหลังภูเขาที่สูงตระหง่าน 5 ลูกตั้งติดต่อกัน มีแม่น้ำที่ไหลจากภูเขาสูง ด้านล่างที่แม่น้ำไหลผ่าน มีเมืองเมืองหนึ่งตั้งอยู่
ด้วยความที่เจ้าหญิงพึ่งอายุย่าง 16 ยังไม่เคยรู้จักความรักและความรู้สึกแบบนี้ก็พึ่งเกิดขึ้นกับเธอ
ในที่จองจำเจ้าหญิงได้พบกับหญิงงามและหญิงเกือบงามอีก 4-5 นาง ทราบภายหลังว่าเธอทั้งสิ้นล้วนถูกจับขังเพราะแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหญิง แต่ละคนก็มีเหตุผลที่แตกต่างกันไป
เจ้าหญิงและสัตว์ผู้ภักดีที่สี่เดินทางมาถึงหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง
ณ กลางป่าดินแดนแสนไกล เจ้าหญิงในชุดสีขาวปรากฏกายบนท้องทุ่งสีเขียว
รอบๆรายล้อมด้วยสัตว์นานาชนิดที่จงรักภักดี
มีกวาง มีกระต่าย นำหน้าด้วยหมีและนกกระจอก
ใกล้เวลา 4 โมงเย็นนั่นหมายถึงเวลางานผมใกล้จะหมด การทำจะล่วงเวลาย่อมมีค่าใช้จ่าย คือต้องเสียค่าเช่ารถเพิ่มอีกกะหนึ่ง แต่ต้องเสี่ยงกับสภาพร่างกายที่อาจจะหลับในได้ผมจึงบึ่งแท็กซี่หาปั้มเพื่อทำความสะอาดรถก่อนส่งอู่ เพื่อนแท็กซี่หลายคนไม่ยอมปิดไฟสัญญาณว่า “ว่าง” ขณะขับกลับอู่ เผื่อเจอผู้โดยสารที่ไปทางเดียวกับตน จะได้เงินเพิ่มไม่เสียเที่ยว แต่ส่วนใหญ่เจอผู้โดยสารที่ไปคนละทาง นั่นย่อมหมายถึงการต้องขัดใจผู้โดยสารเมื่อกล่าวคำปฏิเสธ ผมปิดไฟสัญญาณ ว่าง บึ่งรถกลับอู่ โทรศัพท์nokiaรุ่นเก่าที่นอนสงบนิ่งมาทั้งวันเป็นปกติ วันนี้มาร่ำร้องขึ้นปรากฏเบอร์ที่ผมไม่รู้จัก!!“สวัสดีครับ..” ผมพูดเสียงเรียบ“อา นี่เราเองนะ” ปลายสายเป็นผู้หญิงเสียงกังวาล“โทษนะครับ ชื่ออะไรครับ”“เราเอง ปลาไง” ปลา ในชีวิตผม ผมรู้จักคนชื่อปลาเพียงคนเดียวเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ไม่เพียงรู้จัก ผมและเธอถึงขั้นเป็นแฟน ตอนนั้นผมยังไม่ขับแท็กซี่ ยังครองชีวิตมนุษย์เงินเดือนเต็มขั้น ปลาทำบัญชีให้บริษัท ผมกับเธอสนิทกันได้ไม่นาน เราทั้งคู่ก็ยอมใช้สรรพนามเรียกกันว่า “แฟน” และเปลี่ยนสถานภาพในเฟสบุคว่า “มีแฟนแล้ว” ความรักของเราเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ทะเลสงบมักมีพายุใหญ่รออยู่ข้างหน้า ปลาขยับฐานะเป็นรองผู้จัดการในปีถัดมาที่เรารู้จักกันและจากวันนั้นเธอก็มีเวลาว่างสำหรับแฟนอย่างผมน้อยลง แต่เธอกลับมีเวลาให้ผู้จัดการหนุ่มมากขึ้น จากนั้นไม่นานผมแอบเห็นสถานภาพในเฟสบุคของเธอเปลี่ยนเป็น “โสด” ผมเอะใจ แต่ไม่เข้าใจ จนที่สุดข้อสงสัยทั้งหมดก็กระจ่าง คืนนั้นเป็นวันเกิดผม แต่เธอลืมโดยอ้างว่าต้องไปต่างจังหวัด เพื่อนที่สนิทและไว้ใจได้คนหนึ่งบอกว่า คืนนั้นเธอไปกับผู้จัดการหนุ่ม..ผมทนปวดใจอีก 2 เดือนจึงลาออก เธอไม่มาแม้เพื่อบอกลา “อ้อ ปลา..” การโทรศัพท์หาผมในครั้งนี้จึงทำให้ผมแปลกใจมาก เพื่อนสนิทหรือคนรู้จักที่ไม่ติดต่อเรามานานมากแล้ว แต่จู่ๆติดต่อกลับมา มีไม่กี่สาเหตุ 1.ยืมตังค์ 2.ขายตรง “อา สบายดีนะ ตั้งแต่อาไปครั้งนั้นก็ไม่ได้คุยกันอีกเลยเนาะ” “สบายดีครับ ว่าแต่มีอะไร?” “เปล่า ไม่มีอะไร คิดถึงจึงโทรหานะ อยากเจออยากทานข้าวด้วย” “คงไม่สะดวกหรอกครับ” ผมกล่าวสวัสดีก่อนวางสายด้วยความมึนงง สงสัยเพราะภาวะโลกร้อน ถึงผมไม่มีแฟน แต่คงไม่อยากคืนดีกับคนอย่างเธอแน่นอน คนที่คบคนเพื่อหวังผลประโยชน์อย่างเธอมันน่ารังเกียจ แต่ผมก็อดแปลกใจไม่ได้ ปลาหวังผลประโยชน์อะไรในตัวผมเหรอ คนที่ไม่มีอนาคตขับแท็กซี่อย่างผมเนี่ยะนะ !?! ยังไม่ทันวางโทรศัพท์ลง มันก็ส่งเสียร้องอีกครั้ง “สวัสดีครับพี่ยง ผมว่าจะเอาเงินไปคืน..พ” “ไม่เป็นไรอา ไม่ต้องรีบร้อน เย็นนี้ว่าจะชวนไปหาอะไรดีๆกินสักหน่อย” นี่ก็อีกรายที่ผมได้ยินคำพูดที่ไม่คาดว่าจะได้ยินจากปาก ยง หรือเฮียยง คนในอู่รู้จักดีว่าเป็นคนพูดเสียงดังโพงพาง เกือบทุกคนติดหนี้แก แม้จะปล่อยดอกที่สูงลิ่ว แต่หลายคนมีทางเลือกไม่มากนักทุกวันจะเจอแกทวงเงิน แต่วันนี้..แกไม่พูดถึงเงินแต่กลับชวนไปกินข้าว! ยังไม่ทันวางสายพี่ยง ก็มีสายซ้อนขึ้นมา ดังนั้น พอพี่ยงวางสายเสียงจากอีกสายก็แทรกเข้ามาในหูผมทันที“อา…
ชายหนุ่มนั่งเหม่อบนดาดฟ้าตึก 20 ชั้น สายตาเบิ่งไปยังเบื้องหน้าไร้จุดหมาย บนท้องฟ้าปรากฏกลุ่มเมฆสีดำเป็นสัญญาณเตือนว่าไม่กี่นาทีนับจากนี้จะเกิดฝน หลายคนเริ่มโกลาหลเพื่อเข้าที่พัก กลับบ้าน หรือจัดการกับข้าวของที่คาดว่าจะโดนฝน รถบนท้องถนนเริ่มคลาคล่ำติดขัด แต่ชายหนุ่มบนดาดฟ้ายังคงนิ่งเฉยกับเหตุการณ์รอบข้าง เขายังคงนิ่งและเหม่อลอย จิตใจเขาล่องลอยไป ณ ที่แดนไกล ด้วยความที่เป็นดาดฟ้าสูง บวกกับฟ้าที่มืดครื้ม จึงไม่มีใครทันสังเกตเห็นเขาผู้ซึ่งอยู่ใกลักับความตายระยะประชิด เขาขยับขาเข้าใกล้ริมดาดฟ้า ในขณะที่สายตาไม่ได้มองขาที่ก้าว ในห้วงความคิดของเขาขณะนี้ วนเวียนด้วยเรื่องราวในอดีตที่เขาและเธอรู้จักและรักกัน!! เธอคนนั้นช่าทำให้เขาเป็นไปได้ถึงขนาดนี้ รอยยิ้ม คำพูด และอิริยาบถต่างๆข่องเธอผ่านเข้ามาาในหัวของเขาราวสไลด์โชว์ เขายิ้มเมื่อสไลด์โชว์แห่งอดีตนำเสนอเรื่องราวของเธอและเขาช่วงที่รักกัน แต่ฉับพลันเขากลับร้องไห้ เมื่อสไลด์มาถึงจุดสุดท้ายที่เธอจากไป.. เธอทิ้งเพียงเมสเสจสั้นๆบนมือถือของเขา “ฟ้าต้องไปแล้ว..” และหลังจากนั้นโลกของเธอกับเขาก็ขาดหายไป เขาติดต่อเธอไม่ได้ เธอหายไปอย่างไร้ร่องรอย “หรือเธอเป็นเพียงนางฟ้าที่มีเวลามาเล่นสนุกในโลกมนุษย์เพียง 30 วัน” เขาตั้งสมมติฐานอย่าคนบ้าที่ไม่เข้าใจความรัก แต่มันเป็นความจริงที่เขาและเธอรู้จักกันและรักกันในเวลา 30 วันเท่านั้น แล้วเธอก็โบยบินจากเขาไป.. ชายบนดาดฟ้ายังคงจินตนาการเธอเป็นนางฟ้า และตัวเขาเองกำลังจะบินไปหาเธอ เธอผู้ทำให้เขาเป็นบ้าไปแล้วในขณะนี้ บนท้องฟ้าเริ่มปรากฏเม็ดฝน และในที่สุดฝนก็ตกอย่างหนัก ท้องฟ้ามืดสนิท ชายหนุ่มสำนึกว่าถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องโบยบิน เขารอสัญญาณฟ้าแล่บอีกครั้ง แล้วเขาจะบิน!! ในชั่วขณะความเป็นกับความตายใกล้กันถึงที่สุด สัญญาณจากฟ้าจะเป็นเครื่องชี้ชะตาชีวิตเขา และทันใดนั้นเอง ฟ้าแล่บปรากฏขึ้นพร้อมเสียงฟ้าร้องดังสนั่นหวั่นไหว ชายหนุ่มก้าวขาขวาออกเบื้องหน้าทันที! เขาใกล้ไปพบกับนางฟ้าของเขาในบัดนี้แล้ว ไม่ทันที่เท้าข้างขวาจะทิ้งน้ำหนักลงไป โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น..ก่อนจะไป ขอพูดเป็นครั้งสุดท้ายไว้กับโลกใบนี้ เขาชักขากลับยืนที่เดิม หยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงออกมาดู บนหน้าจอปรากฏเบอร์ของเธอคนนั้น .. นางฟ้าของเขา เขารีบกดรับทันที!! ไม่ทันที่เขาจะพูดอะไร เสียงปลายสายก็ดังขึ้นมาทันที “คุณอยู่ไหนค่ะ ได้รับเมสเสจของฟ้าไหม? ตอนนี้ฟ้าเสร็จธุระที่ตจว.แล้ว ฟ้า..ตู๊ด ..ตุ๊ด ตุด” แล้วสัญญาณก็ขาดหายไป เขารีบโทรกลับ แต่ก็ไร้สัญญาตอบกลับ ชายหนุ่มเปิดอ่านเมสเสจเธออีกครั้ง เขาพึ่งพบว่าเมสเสจของเธอมีทั้งหมด 3 ข้อความ “ฟ้าต้องไปแล้ว..” เมสเสจที่ 2 “..ป่วยหนัก..รีบไป..” และเมสเสจสุดท้าย “ที่บ้าน..สัญญาณ..มี” เขาเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวจนพอเข้าใจได้ รอยยิ้มแห่งความสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา แต่มันก็สายไปที่เขาจะกลับไปเสียแล้ว ฟ้าแล่บอีกครั้ง มาพร้อมกับเสียงฟ้าผ่าดังสนั่น ร่างชายหนุ่มบนดาดฟ้าไหม้เกรียม และล่องลอยสู่เบื้องล่าง.. ร่างแหลกละเอียด และไหม้เกรียม แต่ที่มุมปากของชายหนุ่มปรากฏรอยยิ้มแห่งความสุข.. * ชื่อเรื่องจากชื่อเพลง เขียนถึงคนบนฟ้า ของพิง…
บนถนนโค้งแสนเปลี่ยว ข้างถนนรกครึ้มด้วยต้นหญ้าและต้นไม้สูงใหญ่ไล่ระดับ กลางคืนถนนเส้นนี้มืดสนิท ชาวบ้านแถวนี้รู้ดีว่าถนนเส้นนี้ไม่เหมาะกับการคมนาคมในยามวิกาล ได้แต่หวังผู้แทนปากหวานที่เคยให้คำมั่นสัญญาจะดำเนินการทำถนนให้ปลอดภัยมีไฟ มีความสะดวกหากตนได้รับเลือกตั้ง นี่เขาก็ได้รับเลือกตั้งไปแล้ว .. ยังไม่เคยเห็นเงาผู้แทนคนนั้นเลย ก้าวเข้าสู่หน้าหนาวอันเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของคนในเมือง ถนนเส้นนี้เริ่มมีรถรามากขึ้นแม้เป็นยามค่ำคืนมืด นักท่องเที่ยวหลายคนพูดกันหนาหูว่าบนถนนหัวโค้งเปลี่ยวเส้นนั้น มักพบหญิงสาวผมยาวในชุดขาวเดินข้างถนนบ้าง เดินข้ามถนนบ้าง นั่งริมถนนบ้าง เธอเป็นใครมาจากไหน และมาทำอะไรในยามค่ำคืนไม่มีใครรู้ เพราะไม่มีใครกล้าจอดรถลงไปถามสักครั้ง จนกระทั่งคืนวันหนึ่ง.. ชายหนุ่มจากเมืองหลวงบึ่งรถยามค่ำคืนเพื่อไปหาแฟนสาวที่อยู่ทางเหนือ อำนาจความรักทำให้เขาอดทนรอให้ถึงรุ่งสางไม่ได้ ขับรถมาท่ามกลางความมืดมิดด้วยความเร็วสูง เมื่อถึงทางโค้งอันเปลี่ยวนั้น รถไม่ได้โค้งไปตามถนนที่ควรจะเป็น กลับตรงดิ่งแหกโค้งออกนอกทางพุ่งชนต้นไม้ใหญ่ คนขับคอหักตาย ณ ที่ตรงนั้น ส่วนรถมีสภาพยับเยินเกินบรรยาย.. และตั้งแต่คืนนั้นเป็นต้นมา ยามค่ำคืนอันมืดมิด ไม่เคยมีใครพบหญิงสาวผมยาวชุดขาวอีกเลย คนเฒ่าคนแก่บอกว่า “เขาไปเกิดใหม่แล้ว” หลายคนเบาใจคลายกังวล แต่ไม่กี่วันต่อมา มีเสียงร่ำลือกล่าวถึงทางโค้งเปลี่ยวนั้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่หญิงสาวชุดขาวผมยาว แต่เป็นชายหนุ่มคอหักร่างโชกด้วยเลือดสีแดงนั่งร้องไห้อยู่ข้างทาง ณ ทางโค้งเปลี่ยวแห่งนั้นแทน!! คนเฒ่าคนแก่เล่าให้ฟังว่า.. วิญญาณที่ตายด้วยอุบัติเหตุจะไม่ได้ไปผุดไปเกิดใหม่..จนกว่าจะมีวิญญาณใหม่มาแทนตัว เสียงใครคนหนึ่งพูดขึ้นลอยๆมาตามสามลมของค่ำคืนอันเงียบและมืดมิดว่า “เมื่อเขามา..ฉันจะไป” ชื่อเรื่องจากชื่อเพลง “เมื่อเขามา..ฉันจะไป” ของ ดา Endorphine
ผมมักหลบลี้หนีผู้คนและโลกที่แสนวุ่นวายเข้าสู่โรงหนังดินแดนที่เสกสรรค์จินตนาการมากมาย ที่นี่มันคือโลกใบใหม่ที่สนุก เศร้า ตื่นเต้น หรือเป็นอะไรก็ได้ตามเนื้อหนังที่ตีตั๋วเข้าไปดู แม้เป็นเวลาแค่ไม่เกิน 3 ชั่วโมงสำหรับภาพยนตร์ 1 เรื่อง แต่ถ้านำไปลบจาก 24 ชม.ที่วุ่นวาย ก็นับว่าคุ้มค่า 3 ชม.ที่ตัดขาดจากโลกความเป็นจริง เพราะเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดถูกปิดโดยไม่ต้องกลัวถูกใครตำหนิ เป็น 3 ชั่วโมงที่หัวไม่ต้องคิดถึงอดีต ปัจจุบันและอนาคต หัวใจเปี่ยมด้วยความถวิลหาในอรรถรสของหนัง หลังเลิกงานของเย็นวันศุกร์ที่แสนวุ่นวาย ผมปรากฏตัวหน้าโรงหนังอีกครั้ง คนจำหน่ายตั๋วยังคงถามคำถามเดิมทุกครั้งที่ผมมาซื้อตั๋ว “กี่ใบค่ะ?” ความจริงคนจำหน่ายตั๋วน่าจะจำหน้าผมได้แล้ว เพราะผมปรากฏตัวที่นี่คนเดียวเกือบทุกวันศุกร์ ศุกร์นี้ก็เช่นกัน ผมถือตั๋ว 1 นั่งจดจ่อรอเวลาหนังฉาย เมื่อถึงเวลาที่กำหนด ผมถือตั๋วเข้าโรงหนังด้วยจิตใจเอิบสุข แม้เบื้องหลังจะฉาบทาด้วยความทุกข์ก็ตาม หนังที่ผมเลือกดูในวันนี้ ไม่ใช่หนังในกระแส เป็นหนังอินดี้ของผู้กำักับหน้าใหม่ ดังนั้น จึงไม่แปลกใจที่ในโรงหนังมีผมเพียงคนเดียว แอบลุ้นเล็กๆว่ากว่าหนังจะฉายอาจจะมีใครซื้อตั๋วเข้ามาดูก็ได้ แต่ถึงต้องดูคนเดียวก็ไม่แปลก เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับการดูคนเดียว หนังโฆษณาเกือบ 30 นาทีผ่านไป ก็ยังไม่มีคนเข้ามาเพิ่ม ยืนทำความเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีจบไป ก็ยังไม่มีใครมา.. ขณะหนังกำลังเริ่ม บนจอปรากฏเครดิตและทีมผู้สร้างอย่างช้าๆ ปรากฏร่างหนึ่งเดินอย่างเชื่องช้าเช่นกันและนั่งลงข้างๆผม สัญชาตญาณบอกให้รู้ว่าเป็นผู้หญิง ผมไม่กล้ามองเธอตรงๆ แต่เธอผมยาว และที่สำคัญเธอมาคนเดียว!! แม้จะรู้สึกอุ่นใจที่ในโรงหนังไม่ได้มีเพียงลำพัง แต่ที่นั่งตั้งมากมาย ทำไมจำเพาะเจาะจงมานั่งเบียดกันด้วย ช่างเถอะ เธออาจจะกลัวการนั่งคนเดียวตรงข้ามกับผมที่กลัวการนั่งแน่นๆ คนเยอะๆ เราสองคนในโรงที่กว้างขวาง นังเบียดกันตรงกลางโรงหนังในแถว C เมื่อหนังดำเนินไปถึงกลางเรื่อง ผมได้ยินเสียงร้องไห้เบาๆจากเธอ เสียงกระซิกสะอึกน้ำตาดังมาเป็นระยะ ถ้าหนังที่ดูเป็นหนังเศร้า หนังชีวิตผมก็จะไม่แปลกใจ แต่นี่หนังรักผจญภัย เธอร้องไห้ทำไมกัน!! เสียงเธอร้องไห้ถี่ขึ้น จนผมอดไม่ได้ที่จะยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ เธอรับผ้าเช็ดหน้าด้วยเสียงขอบคุณแหบแห้ง “คุณเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ” ด้วยความที่ในโรงหนังไม่มีคนอื่นนอกจากเราสองคน ผมจึงกล้าที่จะเมิดข้อห้ามคุยกันและรับโทรศัพท์ในโรงหนังที่ผมเคร่งครัดมาตลอด เพียงคำถามที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองถามไปด้วยมารยาทหรือด้วยความเป็นห่วงจริงๆ แต่สิ่งที่เธอถ่ายทอดให้ฟังหลังจากนั้นทำเอาผมต้องนั่งฟังนิ่ง ผมจบความบันเทิงจากภาพยนตร์เพียงแค่ครึ่งเดียว ครึ่งหลังผมนั่งรับฟังเธอจนจบ เธอเล่าว่า.. เธอรู้จักผู้ชายคนหนึ่งและคบหาดูใ่จกันมาได้ระยะหนึ่ง ทุกครั้งที่เธอและเขาว่างต่างนัดกันมาดูหนังที่นี่ ไม่ว่าหนังที่ฉายจะเป็นหนังรัก หนังเศร้า หนังตลก จะสนุกหรือไม่ก็ตาม เธอและเขาก็ ตีตั๋วเข้าดู เพราะทั้งคู่ช่อบดูหนังมาก วันนี้ก็เช่นกันเธอนัดเขามาดูหนังอีกเช่นเคย แต่เนื่องจากเขาติดธุระอาจจะมาช้าสักนิด จึงให้เธอซื้อตั๋วไว้เผื่อด้วย เธอรอแล้วรอเล่า ก็ไม่ปรากฏเขามา โทรหาก็ติดต่อไม่ได้ เธอกระวนใจยิ่ง แต่ก็จนใจที่จะออกไปตามหาที่ไหน…