Skip to content

N E V I K U P

Find your Heart, Find the Happiness.

☰
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ

เพลงสั้น

หมวดนี้ไม่ใช่หมวดแต่งเพลง..แต่เอาชื่อเพลงมาเป็นชื่อเรื่อง

อ่านต่อ

ปราสาททราย

เพลงสั้น, เรื่องสั้นสั้น 5 July 201131 July 2015

ดินแดนหลังภูเขาที่สูงตระหง่าน 5 ลูกตั้งติดต่อกัน มีแม่น้ำที่ไหลจากภูเขาสูง ด้านล่างที่แม่น้ำไหลผ่าน มีเมืองเมืองหนึ่งตั้งอยู่

ปราสาททราย พระราชา เจ้าหญิง
อ่านต่อ

เพียงชายคนนี้ (ไม่ใช่ผู้วิเศษ)

เพลงสั้น, เรื่องสั้นสั้น 4 July 20119 February 2016

ด้วยความที่เจ้าหญิงพึ่งอายุย่าง 16 ยังไม่เคยรู้จักความรักและความรู้สึกแบบนี้ก็พึ่งเกิดขึ้นกับเธอ

ความรัก นักพรต เจ้าหญิง
อ่านต่อ

ไม่ใช่เจ้าชาย

เพลงสั้น, เรื่องสั้นสั้น 3 July 201111 February 2017

ในที่จองจำเจ้าหญิงได้พบกับหญิงงามและหญิงเกือบงามอีก 4-5 นาง ทราบภายหลังว่าเธอทั้งสิ้นล้วนถูกจับขังเพราะแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหญิง แต่ละคนก็มีเหตุผลที่แตกต่างกันไป

เจ้าชาย เจ้าหญิง
อ่านต่อ

เจ้าหญิงคนต่อไป

เพลงสั้น, เรื่องสั้นสั้น 2 July 201111 February 2017

เจ้าหญิงและสัตว์ผู้ภักดีที่สี่เดินทางมาถึงหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง

เจ้าหญิง
อ่านต่อ

เจ้าหญิง

เพลงสั้น, เรื่องสั้นสั้น 1 July 201114 June 2019

ณ กลางป่าดินแดนแสนไกล เจ้าหญิงในชุดสีขาวปรากฏกายบนท้องทุ่งสีเขียว
รอบๆรายล้อมด้วยสัตว์นานาชนิดที่จงรักภักดี
มีกวาง มีกระต่าย นำหน้าด้วยหมีและนกกระจอก

กวาง เจ้าหญิง
คนที่ถูกรัก อ่านต่อ

คนที่ถูกรัก

เพลงสั้น 17 June 20117 June 2019

ใกล้เวลา 4 โมงเย็นนั่นหมายถึงเวลางานผมใกล้จะหมด การทำจะล่วงเวลาย่อมมีค่าใช้จ่าย คือต้องเสียค่าเช่ารถเพิ่มอีกกะหนึ่ง แต่ต้องเสี่ยงกับสภาพร่างกายที่อาจจะหลับในได้ผมจึงบึ่งแท็กซี่หาปั้มเพื่อทำความสะอาดรถก่อนส่งอู่ เพื่อนแท็กซี่หลายคนไม่ยอมปิดไฟสัญญาณว่า “ว่าง” ขณะขับกลับอู่ เผื่อเจอผู้โดยสารที่ไปทางเดียวกับตน จะได้เงินเพิ่มไม่เสียเที่ยว แต่ส่วนใหญ่เจอผู้โดยสารที่ไปคนละทาง นั่นย่อมหมายถึงการต้องขัดใจผู้โดยสารเมื่อกล่าวคำปฏิเสธ ผมปิดไฟสัญญาณ ว่าง บึ่งรถกลับอู่ โทรศัพท์nokiaรุ่นเก่าที่นอนสงบนิ่งมาทั้งวันเป็นปกติ วันนี้มาร่ำร้องขึ้นปรากฏเบอร์ที่ผมไม่รู้จัก!!“สวัสดีครับ..” ผมพูดเสียงเรียบ“อา นี่เราเองนะ” ปลายสายเป็นผู้หญิงเสียงกังวาล“โทษนะครับ ชื่ออะไรครับ”“เราเอง ปลาไง” ปลา ในชีวิตผม ผมรู้จักคนชื่อปลาเพียงคนเดียวเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ไม่เพียงรู้จัก ผมและเธอถึงขั้นเป็นแฟน ตอนนั้นผมยังไม่ขับแท็กซี่ ยังครองชีวิตมนุษย์เงินเดือนเต็มขั้น ปลาทำบัญชีให้บริษัท ผมกับเธอสนิทกันได้ไม่นาน เราทั้งคู่ก็ยอมใช้สรรพนามเรียกกันว่า “แฟน” และเปลี่ยนสถานภาพในเฟสบุคว่า “มีแฟนแล้ว” ความรักของเราเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ทะเลสงบมักมีพายุใหญ่รออยู่ข้างหน้า ปลาขยับฐานะเป็นรองผู้จัดการในปีถัดมาที่เรารู้จักกันและจากวันนั้นเธอก็มีเวลาว่างสำหรับแฟนอย่างผมน้อยลง แต่เธอกลับมีเวลาให้ผู้จัดการหนุ่มมากขึ้น จากนั้นไม่นานผมแอบเห็นสถานภาพในเฟสบุคของเธอเปลี่ยนเป็น “โสด” ผมเอะใจ แต่ไม่เข้าใจ จนที่สุดข้อสงสัยทั้งหมดก็กระจ่าง คืนนั้นเป็นวันเกิดผม แต่เธอลืมโดยอ้างว่าต้องไปต่างจังหวัด เพื่อนที่สนิทและไว้ใจได้คนหนึ่งบอกว่า คืนนั้นเธอไปกับผู้จัดการหนุ่ม..ผมทนปวดใจอีก 2 เดือนจึงลาออก เธอไม่มาแม้เพื่อบอกลา “อ้อ ปลา..” การโทรศัพท์หาผมในครั้งนี้จึงทำให้ผมแปลกใจมาก เพื่อนสนิทหรือคนรู้จักที่ไม่ติดต่อเรามานานมากแล้ว แต่จู่ๆติดต่อกลับมา มีไม่กี่สาเหตุ 1.ยืมตังค์ 2.ขายตรง “อา สบายดีนะ ตั้งแต่อาไปครั้งนั้นก็ไม่ได้คุยกันอีกเลยเนาะ” “สบายดีครับ ว่าแต่มีอะไร?” “เปล่า ไม่มีอะไร คิดถึงจึงโทรหานะ อยากเจออยากทานข้าวด้วย” “คงไม่สะดวกหรอกครับ” ผมกล่าวสวัสดีก่อนวางสายด้วยความมึนงง สงสัยเพราะภาวะโลกร้อน ถึงผมไม่มีแฟน แต่คงไม่อยากคืนดีกับคนอย่างเธอแน่นอน คนที่คบคนเพื่อหวังผลประโยชน์อย่างเธอมันน่ารังเกียจ แต่ผมก็อดแปลกใจไม่ได้ ปลาหวังผลประโยชน์อะไรในตัวผมเหรอ คนที่ไม่มีอนาคตขับแท็กซี่อย่างผมเนี่ยะนะ !?! ยังไม่ทันวางโทรศัพท์ลง มันก็ส่งเสียร้องอีกครั้ง “สวัสดีครับพี่ยง ผมว่าจะเอาเงินไปคืน..พ” “ไม่เป็นไรอา ไม่ต้องรีบร้อน เย็นนี้ว่าจะชวนไปหาอะไรดีๆกินสักหน่อย” นี่ก็อีกรายที่ผมได้ยินคำพูดที่ไม่คาดว่าจะได้ยินจากปาก ยง หรือเฮียยง คนในอู่รู้จักดีว่าเป็นคนพูดเสียงดังโพงพาง เกือบทุกคนติดหนี้แก แม้จะปล่อยดอกที่สูงลิ่ว แต่หลายคนมีทางเลือกไม่มากนักทุกวันจะเจอแกทวงเงิน แต่วันนี้..แกไม่พูดถึงเงินแต่กลับชวนไปกินข้าว! ยังไม่ทันวางสายพี่ยง ก็มีสายซ้อนขึ้นมา ดังนั้น พอพี่ยงวางสายเสียงจากอีกสายก็แทรกเข้ามาในหูผมทันที“อา…

คนที่ถูกรัก
เขียนถึงคนบนฟ้า อ่านต่อ

เขียนถึงคนบนฟ้า

เพลงสั้น 18 March 201126 July 2016

ชายหนุ่มนั่งเหม่อบนดาดฟ้าตึก 20 ชั้น สายตาเบิ่งไปยังเบื้องหน้าไร้จุดหมาย บนท้องฟ้าปรากฏกลุ่มเมฆสีดำเป็นสัญญาณเตือนว่าไม่กี่นาทีนับจากนี้จะเกิดฝน หลายคนเริ่มโกลาหลเพื่อเข้าที่พัก กลับบ้าน หรือจัดการกับข้าวของที่คาดว่าจะโดนฝน รถบนท้องถนนเริ่มคลาคล่ำติดขัด แต่ชายหนุ่มบนดาดฟ้ายังคงนิ่งเฉยกับเหตุการณ์รอบข้าง เขายังคงนิ่งและเหม่อลอย จิตใจเขาล่องลอยไป ณ ที่แดนไกล  ด้วยความที่เป็นดาดฟ้าสูง บวกกับฟ้าที่มืดครื้ม จึงไม่มีใครทันสังเกตเห็นเขาผู้ซึ่งอยู่ใกลักับความตายระยะประชิด เขาขยับขาเข้าใกล้ริมดาดฟ้า ในขณะที่สายตาไม่ได้มองขาที่ก้าว ในห้วงความคิดของเขาขณะนี้ วนเวียนด้วยเรื่องราวในอดีตที่เขาและเธอรู้จักและรักกัน!! เธอคนนั้นช่าทำให้เขาเป็นไปได้ถึงขนาดนี้ รอยยิ้ม คำพูด และอิริยาบถต่างๆข่องเธอผ่านเข้ามาาในหัวของเขาราวสไลด์โชว์ เขายิ้มเมื่อสไลด์โชว์แห่งอดีตนำเสนอเรื่องราวของเธอและเขาช่วงที่รักกัน แต่ฉับพลันเขากลับร้องไห้ เมื่อสไลด์มาถึงจุดสุดท้ายที่เธอจากไป.. เธอทิ้งเพียงเมสเสจสั้นๆบนมือถือของเขา “ฟ้าต้องไปแล้ว..” และหลังจากนั้นโลกของเธอกับเขาก็ขาดหายไป เขาติดต่อเธอไม่ได้ เธอหายไปอย่างไร้ร่องรอย “หรือเธอเป็นเพียงนางฟ้าที่มีเวลามาเล่นสนุกในโลกมนุษย์เพียง 30 วัน” เขาตั้งสมมติฐานอย่าคนบ้าที่ไม่เข้าใจความรัก แต่มันเป็นความจริงที่เขาและเธอรู้จักกันและรักกันในเวลา 30 วันเท่านั้น แล้วเธอก็โบยบินจากเขาไป.. ชายบนดาดฟ้ายังคงจินตนาการเธอเป็นนางฟ้า และตัวเขาเองกำลังจะบินไปหาเธอ เธอผู้ทำให้เขาเป็นบ้าไปแล้วในขณะนี้ บนท้องฟ้าเริ่มปรากฏเม็ดฝน และในที่สุดฝนก็ตกอย่างหนัก ท้องฟ้ามืดสนิท ชายหนุ่มสำนึกว่าถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องโบยบิน เขารอสัญญาณฟ้าแล่บอีกครั้ง แล้วเขาจะบิน!! ในชั่วขณะความเป็นกับความตายใกล้กันถึงที่สุด สัญญาณจากฟ้าจะเป็นเครื่องชี้ชะตาชีวิตเขา และทันใดนั้นเอง ฟ้าแล่บปรากฏขึ้นพร้อมเสียงฟ้าร้องดังสนั่นหวั่นไหว ชายหนุ่มก้าวขาขวาออกเบื้องหน้าทันที! เขาใกล้ไปพบกับนางฟ้าของเขาในบัดนี้แล้ว ไม่ทันที่เท้าข้างขวาจะทิ้งน้ำหนักลงไป โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น..ก่อนจะไป ขอพูดเป็นครั้งสุดท้ายไว้กับโลกใบนี้ เขาชักขากลับยืนที่เดิม หยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงออกมาดู บนหน้าจอปรากฏเบอร์ของเธอคนนั้น .. นางฟ้าของเขา เขารีบกดรับทันที!! ไม่ทันที่เขาจะพูดอะไร เสียงปลายสายก็ดังขึ้นมาทันที “คุณอยู่ไหนค่ะ ได้รับเมสเสจของฟ้าไหม? ตอนนี้ฟ้าเสร็จธุระที่ตจว.แล้ว ฟ้า..ตู๊ด ..ตุ๊ด ตุด” แล้วสัญญาณก็ขาดหายไป เขารีบโทรกลับ แต่ก็ไร้สัญญาตอบกลับ ชายหนุ่มเปิดอ่านเมสเสจเธออีกครั้ง เขาพึ่งพบว่าเมสเสจของเธอมีทั้งหมด 3 ข้อความ “ฟ้าต้องไปแล้ว..” เมสเสจที่ 2 “..ป่วยหนัก..รีบไป..” และเมสเสจสุดท้าย “ที่บ้าน..สัญญาณ..มี” เขาเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวจนพอเข้าใจได้ รอยยิ้มแห่งความสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา แต่มันก็สายไปที่เขาจะกลับไปเสียแล้ว ฟ้าแล่บอีกครั้ง มาพร้อมกับเสียงฟ้าผ่าดังสนั่น ร่างชายหนุ่มบนดาดฟ้าไหม้เกรียม และล่องลอยสู่เบื้องล่าง.. ร่างแหลกละเอียด และไหม้เกรียม แต่ที่มุมปากของชายหนุ่มปรากฏรอยยิ้มแห่งความสุข.. * ชื่อเรื่องจากชื่อเพลง เขียนถึงคนบนฟ้า ของพิง…

คนบนฟ้า อกหัก
เมื่อเขามา..ฉันจะไป อ่านต่อ

เมื่อเขามา..ฉันจะไป

เพลงสั้น 4 March 2011

บนถนนโค้งแสนเปลี่ยว ข้างถนนรกครึ้มด้วยต้นหญ้าและต้นไม้สูงใหญ่ไล่ระดับ กลางคืนถนนเส้นนี้มืดสนิท ชาวบ้านแถวนี้รู้ดีว่าถนนเส้นนี้ไม่เหมาะกับการคมนาคมในยามวิกาล ได้แต่หวังผู้แทนปากหวานที่เคยให้คำมั่นสัญญาจะดำเนินการทำถนนให้ปลอดภัยมีไฟ มีความสะดวกหากตนได้รับเลือกตั้ง นี่เขาก็ได้รับเลือกตั้งไปแล้ว .. ยังไม่เคยเห็นเงาผู้แทนคนนั้นเลย ก้าวเข้าสู่หน้าหนาวอันเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของคนในเมือง ถนนเส้นนี้เริ่มมีรถรามากขึ้นแม้เป็นยามค่ำคืนมืด นักท่องเที่ยวหลายคนพูดกันหนาหูว่าบนถนนหัวโค้งเปลี่ยวเส้นนั้น มักพบหญิงสาวผมยาวในชุดขาวเดินข้างถนนบ้าง เดินข้ามถนนบ้าง นั่งริมถนนบ้าง เธอเป็นใครมาจากไหน และมาทำอะไรในยามค่ำคืนไม่มีใครรู้ เพราะไม่มีใครกล้าจอดรถลงไปถามสักครั้ง จนกระทั่งคืนวันหนึ่ง.. ชายหนุ่มจากเมืองหลวงบึ่งรถยามค่ำคืนเพื่อไปหาแฟนสาวที่อยู่ทางเหนือ อำนาจความรักทำให้เขาอดทนรอให้ถึงรุ่งสางไม่ได้ ขับรถมาท่ามกลางความมืดมิดด้วยความเร็วสูง เมื่อถึงทางโค้งอันเปลี่ยวนั้น รถไม่ได้โค้งไปตามถนนที่ควรจะเป็น กลับตรงดิ่งแหกโค้งออกนอกทางพุ่งชนต้นไม้ใหญ่ คนขับคอหักตาย ณ ที่ตรงนั้น ส่วนรถมีสภาพยับเยินเกินบรรยาย.. และตั้งแต่คืนนั้นเป็นต้นมา ยามค่ำคืนอันมืดมิด ไม่เคยมีใครพบหญิงสาวผมยาวชุดขาวอีกเลย คนเฒ่าคนแก่บอกว่า “เขาไปเกิดใหม่แล้ว” หลายคนเบาใจคลายกังวล แต่ไม่กี่วันต่อมา มีเสียงร่ำลือกล่าวถึงทางโค้งเปลี่ยวนั้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่หญิงสาวชุดขาวผมยาว แต่เป็นชายหนุ่มคอหักร่างโชกด้วยเลือดสีแดงนั่งร้องไห้อยู่ข้างทาง ณ ทางโค้งเปลี่ยวแห่งนั้นแทน!! คนเฒ่าคนแก่เล่าให้ฟังว่า.. วิญญาณที่ตายด้วยอุบัติเหตุจะไม่ได้ไปผุดไปเกิดใหม่..จนกว่าจะมีวิญญาณใหม่มาแทนตัว เสียงใครคนหนึ่งพูดขึ้นลอยๆมาตามสามลมของค่ำคืนอันเงียบและมืดมิดว่า “เมื่อเขามา..ฉันจะไป” ชื่อเรื่องจากชื่อเพลง “เมื่อเขามา..ฉันจะไป” ของ ดา Endorphine

ผี วิญญาณ เมื่อเขามา..ฉันจะไป
ไม่รู้จักฉัน ไม่รู้จักเธอ อ่านต่อ

ไม่รู้จักฉัน ไม่รู้จักเธอ

เพลงสั้น 2 March 2011

ผมมักหลบลี้หนีผู้คนและโลกที่แสนวุ่นวายเข้าสู่โรงหนังดินแดนที่เสกสรรค์จินตนาการมากมาย ที่นี่มันคือโลกใบใหม่ที่สนุก เศร้า ตื่นเต้น หรือเป็นอะไรก็ได้ตามเนื้อหนังที่ตีตั๋วเข้าไปดู แม้เป็นเวลาแค่ไม่เกิน 3 ชั่วโมงสำหรับภาพยนตร์ 1 เรื่อง แต่ถ้านำไปลบจาก 24 ชม.ที่วุ่นวาย ก็นับว่าคุ้มค่า 3 ชม.ที่ตัดขาดจากโลกความเป็นจริง เพราะเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดถูกปิดโดยไม่ต้องกลัวถูกใครตำหนิ เป็น 3 ชั่วโมงที่หัวไม่ต้องคิดถึงอดีต ปัจจุบันและอนาคต หัวใจเปี่ยมด้วยความถวิลหาในอรรถรสของหนัง หลังเลิกงานของเย็นวันศุกร์ที่แสนวุ่นวาย ผมปรากฏตัวหน้าโรงหนังอีกครั้ง คนจำหน่ายตั๋วยังคงถามคำถามเดิมทุกครั้งที่ผมมาซื้อตั๋ว “กี่ใบค่ะ?” ความจริงคนจำหน่ายตั๋วน่าจะจำหน้าผมได้แล้ว เพราะผมปรากฏตัวที่นี่คนเดียวเกือบทุกวันศุกร์ ศุกร์นี้ก็เช่นกัน ผมถือตั๋ว 1 นั่งจดจ่อรอเวลาหนังฉาย เมื่อถึงเวลาที่กำหนด ผมถือตั๋วเข้าโรงหนังด้วยจิตใจเอิบสุข แม้เบื้องหลังจะฉาบทาด้วยความทุกข์ก็ตาม หนังที่ผมเลือกดูในวันนี้ ไม่ใช่หนังในกระแส เป็นหนังอินดี้ของผู้กำักับหน้าใหม่ ดังนั้น จึงไม่แปลกใจที่ในโรงหนังมีผมเพียงคนเดียว แอบลุ้นเล็กๆว่ากว่าหนังจะฉายอาจจะมีใครซื้อตั๋วเข้ามาดูก็ได้ แต่ถึงต้องดูคนเดียวก็ไม่แปลก เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับการดูคนเดียว หนังโฆษณาเกือบ 30 นาทีผ่านไป ก็ยังไม่มีคนเข้ามาเพิ่ม ยืนทำความเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีจบไป ก็ยังไม่มีใครมา.. ขณะหนังกำลังเริ่ม บนจอปรากฏเครดิตและทีมผู้สร้างอย่างช้าๆ ปรากฏร่างหนึ่งเดินอย่างเชื่องช้าเช่นกันและนั่งลงข้างๆผม สัญชาตญาณบอกให้รู้ว่าเป็นผู้หญิง ผมไม่กล้ามองเธอตรงๆ แต่เธอผมยาว และที่สำคัญเธอมาคนเดียว!! แม้จะรู้สึกอุ่นใจที่ในโรงหนังไม่ได้มีเพียงลำพัง แต่ที่นั่งตั้งมากมาย ทำไมจำเพาะเจาะจงมานั่งเบียดกันด้วย ช่างเถอะ เธออาจจะกลัวการนั่งคนเดียวตรงข้ามกับผมที่กลัวการนั่งแน่นๆ คนเยอะๆ เราสองคนในโรงที่กว้างขวาง นังเบียดกันตรงกลางโรงหนังในแถว C เมื่อหนังดำเนินไปถึงกลางเรื่อง ผมได้ยินเสียงร้องไห้เบาๆจากเธอ เสียงกระซิกสะอึกน้ำตาดังมาเป็นระยะ ถ้าหนังที่ดูเป็นหนังเศร้า หนังชีวิตผมก็จะไม่แปลกใจ แต่นี่หนังรักผจญภัย เธอร้องไห้ทำไมกัน!! เสียงเธอร้องไห้ถี่ขึ้น จนผมอดไม่ได้ที่จะยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ เธอรับผ้าเช็ดหน้าด้วยเสียงขอบคุณแหบแห้ง “คุณเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ” ด้วยความที่ในโรงหนังไม่มีคนอื่นนอกจากเราสองคน ผมจึงกล้าที่จะเมิดข้อห้ามคุยกันและรับโทรศัพท์ในโรงหนังที่ผมเคร่งครัดมาตลอด เพียงคำถามที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองถามไปด้วยมารยาทหรือด้วยความเป็นห่วงจริงๆ แต่สิ่งที่เธอถ่ายทอดให้ฟังหลังจากนั้นทำเอาผมต้องนั่งฟังนิ่ง ผมจบความบันเทิงจากภาพยนตร์เพียงแค่ครึ่งเดียว ครึ่งหลังผมนั่งรับฟังเธอจนจบ เธอเล่าว่า.. เธอรู้จักผู้ชายคนหนึ่งและคบหาดูใ่จกันมาได้ระยะหนึ่ง ทุกครั้งที่เธอและเขาว่างต่างนัดกันมาดูหนังที่นี่ ไม่ว่าหนังที่ฉายจะเป็นหนังรัก หนังเศร้า หนังตลก จะสนุกหรือไม่ก็ตาม เธอและเขาก็ ตีตั๋วเข้าดู เพราะทั้งคู่ช่อบดูหนังมาก วันนี้ก็เช่นกันเธอนัดเขามาดูหนังอีกเช่นเคย แต่เนื่องจากเขาติดธุระอาจจะมาช้าสักนิด จึงให้เธอซื้อตั๋วไว้เผื่อด้วย เธอรอแล้วรอเล่า ก็ไม่ปรากฏเขามา โทรหาก็ติดต่อไม่ได้ เธอกระวนใจยิ่ง แต่ก็จนใจที่จะออกไปตามหาที่ไหน…

หนัง ไม่รู้จักฉัน ไม่รู้ัจักเธอ
12
อ่านต่อ

ตารางฝึกฮาล์ฟมาราธอน

say, วิ่ง, ไดอารี่ 26 July 20163 November 2017

วิ่งให้เข้าเส้นชัยใครก็วิ่งได้, แต่วิ่งให้เข้าเส้นชัยแบบสบายๆ นี่ต้องมีตารางฝึก ไปได้ตารางฝึกจากพันทิปมา มีตารางวิ่งย่อมดีกว่าวิ่งลอยๆ ซึ่งนอกจากจะไม่ได้ผลที่ดีกว่าแล้ว ยังอาจเจ็บตัว บาดเจ็บอีก คำแนะนำจากจขกท. CT- Cross train เป็นกิจกรรมที่ทำในวันที่ไม่ได้วิ่ง เลือกกิจกรรมที่เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ (cardio workout)ยาวประมาณ 30 นาที เช่น ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ TT- Time Trial วิ่ง warm up 1.6km จากนั้นวิ่ง pace (ความเร็วในการเคลื่อนที่ปกติ หมายถึงระยะเวลานาทีที่ใช้วิ่ง/เดินต่อหนึ่งกิโลเมตร) สบายๆ จากนั้นจับเวลาในการวิ่งเร็ว เป็นระยะทาง 3.2km แล้วพยายามวิ่งให้เร็วขึ้นสำหรับ TT ครั้งต่อไป R&R Run-Rest & Recovery run วิ่ง 4.8km – 6.4km ที่ pace สบายๆ ไม่ต้องรีบเร่ง ทุก ๆ 4 อาทิตย์จะเป็นอาทิตย์ R&R INT- Intervals วิ่ง 1.6km แบบสบาย ๆ จากนั้นให้สลับระหว่างหนึ่งนาทีแบบวิ่งเร็ว (ประมาณ 80-90%) แล้วก็หนึ่งนาทีวิ่งแบบสบาย ๆ หรือวิ่งเร็ว (80-90%) สองนาที แล้วก็วิ่งแบบสบาย ๆ หนึ่งนาที เป็นระยะทาง 3.2km จากนั้นให้วิ่งแบบสบาย ๆ อีก 0.8km เป็นการ Cool down T- Tempo run ( 4.8km – 6.4km ) วิ่ง 1.6km ที่ความเร็วปกติ จากนั้นวิ่งเร็วขึ้น Tempo run (สปีดเร็วกว่าปกติ สามารถพูดได้ 3-4…

halfmarathon run วิ่ง

ในวันที่ฤดูแตกต่าง

เรื่องทั่วไป, ไดอารี่ 7 January 2010

ไม่น่าเืชื่อว่า ณ ตอนนี้เป็นหน้าหนาว เมื่อวานฝนตกอย่างไม่ลืมหูลืมตาติดต่อกันเกือบชั่วโมง มีผลทำให้น้ำเจิ่งนอง บนถนนรถราติด บ้านเรือนที่ติดถนนก็พลอยเดือดร้อน เพราะน้ำทะลักไหลเข้าสู่บ้าน..นับเป็นเรื่องใหม่ต้อนรับปีใหม่ของปีนี้ ผลกระทบต่อผมโดยตรงคือ ทำให้ผมไม่สามารถออกไปวิ่งออกกำลังกายได้นะเซ่ !! จะไปวิ่งตากฝน ก็กลัวฟ้าผ่า เผลอๆใครเห็นเข้าจะหาว่าบ้า วิ่งเป็นพระเอกมิวสิกอกหักอย่างนั้น แต่เอาเหอะเมื่อความตั้งใจเรายังเต็มเปี่ยมอยู่ วันฝนไม่ตกมีมากกว่าวันฝนตกอยู่แล้ว ~ เช่นเดียวกับชีวิต ช่วงที่ย่ำแย่เปรียบเหมือนวันที่ฝนตก ย่อมมีน้อยกว่าวันฝนไม่ตกเป็นไหนๆ ดังนั้น เราก็น่าจะมีความสุขกับชีวิตได้มากกว่าช่วงที่แย่ๆนะ เมื่อเจอปัญหา ต้องอยู่กับ 2 สิ่งให้มากที่สุด นั่นคือ อยู่กับ สติ และอยู่กับความอดทน สติมีมากขึ้นจะเกิดสมาธิจนทำให้เกิดปัญญา อันจะนำมาซึ่งการแก้ปัญหาในที่สุด ส่วนความอดทน จะช่วยให้เราผ่านพ้นช่วงที่แย่ๆไปได้ บางครั้งการอดทนอีกนิดหนึ่ง อาจให้ผลที่ยิ่งใหญ่กว่าที่คิด ความอดทนมีแต่ผลดี อดทนเพื่อผ่านพ้นสิ่งที่เลวร้าย ใช้สติให้เกิดปัญญาแก้ปัญหาด้วยความอดทน ตัวอย่างที่เห็นชัดในปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา พระองค์ทรงเป็นมหากษัตริย์ที่เป็นตัวอย่างในทุกเรื่องให้เราชาวไทย โดยเฉพาะความอดทนในการเสด็จเยือนปวงประชาราษฏร์ของพระองค์ในถิ่นธุรกันดารต่างๆ พระองค์ทรงเสด็จอย่างไม่มีความเหน็ดเหนื่อย เพื่อเยี่ยม เพื่อร่วมรับรู้สุขทุกข์ เพื่อแก้ปัญหาให้ราษฏรของพระองค์ในทุกๆหย่อมหญ้า.. ขอพระราชทานอนุญาตนำภาพที่ได้รับจากอีเมล์ฟอร์เวิร์ดมาประกอบ เพื่อเห็นภาพที่ชัดยิ่งขึ้น ขอพระองค์ทรงพระเจริญ.

อ้อ..โอเคนึกว่าอ่านไม่ออก

เรื่องทั่วไป 22 March 2010

ใช้ชีวิตในโลกอินเทอร์เนตมาเกือบๆ 10 ปี ชีวิตผมจึงถูกเปลี่ยนให้อยู่ในระบบของโลกออนไลน์มากขึ้น ในโลกแห่งความเป็นจริง (จริงๆ อินเทอร์เนตก็คือโลกแห่งความเป็นจริงเหมือนกัน แต่จริงน้อยกว่า)  มี 3 ช่องทางการสื่อสาร คือ อ่าน พูด และเขียน  โลกอินเทอร์เนต ก็สามารถสื่อสารได้ทั้ง 3 ช่องทางเช่นกัน คือ ทั้งอ่าน พูด และเขียน แต่ช่องทางพูดอาจจะน้อยกว่า เราอาศัยพูดกันผ่านตัวหนังสือ !! ตัวหนังสือสื่อสาร ประสิทธิภาพก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าการพูดกันสักเท่าไร หากทั้งคู่(หมายถึงคู่สนทนา) รู้จักกัน(ดี)มาก่อน เคยคุยกันมาก่อน เพียงเห็นตัวหนังสือก็จะสามารถจินตนาการถึงเสียงของคู่สนทนาชัดเจนอยู่ในหัว เหมือนคุยกันอยู่ตรงหน้าเลยทีเดียว หากแต่ว่่าถ้าไม่เคยคุยกันมาก่อน ไม่เคยได้ยินเสียง หรือไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน เพียงตัวหนังสือแม้สื่อมาด้วยคำธรรมดาๆ ก็อาจถูกอีกฝ่ายตีความหมายเป็นอื่นได้ !! ปัญหานี้ อาจทำให้เราเสียเพื่อน หรือร้ายกว่านั้น เพื่อนอาจกลายมาเป็นศัตรูได้อย่างน่ากลัว เหตุการณ์นี้พึ่งเกิดขึ้นกับผม ในฐานะบล็อกแห่งนี้เป็นบล็อกส่วนตัว จึงไม่แปลกที่ผมจะเล่าเรื่องส่วนตัว.. เรื่องมันเกิดขึ้นจากการคุยกันผ่านตัวหนังสือนี่แหละ.. ผมคุยกับเพื่อนแฟนที่อยู่ต่างประเทศผ่านโปรแกรมยอดฮิต Facebook คุยกันบนกระดานหน้าบ้านเขาเลย  ก่อนหน้าที่เขาจะไปอยู่ต่างประเทศ เราก็เคยไปเที่ยว กิน ดูหนังด้วยกันระยะหนึ่ง จนผมทึกทักเอาเองว่า เออ..เพื่อนแฟนก็เพื่อนเราด้วยคนหนึ่ง วันที่เขาบิน เราก็ไปส่งที่สนามบิน ผมแอบชื่นชนกับแฟนว่า เพื่อนหญิงคนนี้ตัวเล็กแต่ใจใหญ่ ทึ่งกับความกล้าที่่จะบินไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศโดยลำพัง ผมเป็นผู้ชายแท้ๆ ยังไม่สามารถขนาดนั้น .. หลังจากที่เขาไปต่างประเทศก็หลายปีที่ไม่ได้คุยกัน แต่ก็ได้แอดไว้ใน facebook จนล่าสุดเมื่อวันศูกร์ที่ 12 มีนาคม 2553 ผมได้ทักทายเขาไปในfacebook และก็ได้การตอบกลับมาด้วยไมตรี ถามสารทุกข์สุขดิบประสาคนที่ไม่ได้คุยกันมาเป็นปี ๆ มันเป็นการสนทนาผ่านตัวหนังสือที่ใช้คนละภาษา คือ เขาพิมพ์อังกฤษมา ผมตอบภาษาไทยไป .. ด้วยความคิดมากของผมเอง ไม่แน่ใจว่าเครื่องที่เขาใช้สามารถพิมพ์หรืออ่านภาษาไทยได้ไหม? จึงถามไปว่า อ่านภาษาไทยได้ไหม? ความหมายคือ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่อ่า่นภาษาไทยได้ใช่ไหม? เมื่อเขาตอบว่าได้ ..ผมก็ตอบว่า “อ้อ..โอเคนึกว่าอ่านไม่ออก” ไม่ได้มีเจตนาจะดูถูกหรือประชดประชันแดกดันอะไรแต่อย่างใดเลย เป็นน้ำเสียงตอบบประสาสื่ออย่างเพื่อนคุยกับเพื่อนเท่านั้นเอง แต่คำตอบที่ผมได้หลังจากนั้นเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว เขาไม่พอใจมากกับประโยคนั้น เขาบอกน้ำเสียงของผมมันเย้ยหยันถึงขั้นดูถูก .. เบื้องต้นผมไม่ทราบว่าเขาโกรธผมจากประโยคไหนที่เราคุยกัน ผมถูกบล็อกไม่ให้ติดต่อใน facebook ยิ่งทำให้ร้อนใจยิ่งกว่าเดิมว่าเกิดอะไรขึ้น ผมให้เพื่อน…

หนึ่ง

ปู่ซ่า..บ้าพลัง

เรื่องทั่วไป 17 June 2009

สิ่งที่นักดูหนังเกลียดและกลัวที่สุดในขณะดูหนัง 1. เสียงโทรศัพท์ดัง 2. ต่อเนื่องจากข้อ 1 เสียงคนคุยโทรศัพท์ 3. เสียงคนคุยกัน (เกี่ยวกับหนังที่กำลังดู ดูเองดูเป็นรอบที่สอง ชิ่งเล่าฉากไคลแม็กซ์ก่อนซะลั่นโรง) 4. เด็ก !! 3 ข้อแรก หลัง ๆ เริ่มพบน้อยถึงน้อยมากกระทั่งน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะสังคมโดยมากรังเกียจและประณามบุคคลเหล่านี้อย่างออกนอกหน้า บางคนทนไม่ได้ถึงขนาดร้องเรียนไปถึงมูลนิธีปวีณา ร้องเรียนนายก และยังขู่สำทับอีกว่า หากยังไม่ดำเนินการ จะร้องเรียนพันธมิตร!! ด้วยประการดังนี้ บุคคล 3 ประเภทข้างต้น จึงค่อยๆหายไป ยังความปลาบปลื้มใจแก่ประดานักดูหนังยิ่งนัก จะเหลือก็แต่บุคคลประเภทสุดท้าย เด็ก หนังบางเรื่องไม่เหมาะกับเด็กเลย แต่อีแม่ที่ไร้จิตสำนึกฝ่ายดีอยากดูมาก ก็จึงต้องลากลูกให้เข้าไปดูเป็นเพื่อน โดยไม่คำนึงสักนิ๊ดว่า ภาพและเนื้อหาในจอภาพยนตร์นั้นกำลังทำร้ายลูกตัวเองโดยตรง  บางเด็กดูแล้วก็ดูอย่างตั้งใจ บางเด็กร้องไห้ บางเด็กหิว บางเด็กอยากเข้าห้องน้ำ บางเด็กง่วงนอน งอแง .. ฯลฯ จะโทษเด็กคงไม่ได้แล้ว ต้องโทษพ่อแม่มัน ทำไมไม่เอาลูกฝากไว้กับที่ฝากของหน้าโรงหนัง !! ถ้าหนังเรื่องไหนมีเนื้อหาเหมาะสำหรับเด็ก ไม่โหดร้าย หยาบคาย(เยี่ยงหนังไทยในปัจจุบัน) หรือเป็นหนังแอนิเมชั่น อันนี้ต้องยกให้เด็ก ผู้ใหญ่จะเข้าไปดู ก็พึงสำเนียกด้วยว่าเราไปขอเด็กดู ไม่ใช่เด็กมาขอเราดู และเมื่อย่างกรายเข้าโรงหนังเด็กแล้ว หากจะพบว่ามีแต่เด็กเกือบทุกที่นั่ง ก็ไม่ต้องตกใจและไม่ต้องทำหน้าตาเซ็ง อย่าลืม เรามาขอดูหนังเด็ก เด็กจะหัวเราะ พูดคุย งอแง ในโรงหนังของเด็ก สามารถทำได้ครับ ผู้ใหญ่ไม่ควรโกรธ หรือผูกอาฆาตกระทั่งหาทางข่มขืนเด็ก พูดมาตั้งนานนั้น เพื่อจะวกเข้าเรื่องตัวเองที่เกี่ยวข้องครับ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมไปขอดูหนังเด็กมา เรื่อง “UP ปู่ซ่าบ้าพลัง” เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันสัญชาติอเมริกัน สร้างโดยพิกซาร์ แอนิเมชัน สตูดิโอส์ และจัดจำหน่ายโดยวอลท์ ดิสนีย์ พิคเจอร์ ผมทำใจตั้งแต่ซื้อตั๋วแล้วละครับ ว่าจะเจอมวลเด็กในโรงหนัง ด้วยเราไปอาศัยดูหนังเขา และก็ไม่ผิดหวัง เด็กรายล้อมซ้ายขวา หน้าหลัง มีตั้งแต่ขวบครึ่งถึงเก้าขวบ ความกลัวว่าเด็กจะงอแง เสียงดังนั้นมีอยู่เต็มอก แต่ตั้งใจแล้วก็เลยดั้นด้นด้วยอยากดูหนังเรื่องนี้อยู่เหลือกำลัง เด็กเยอะเต็มโรงนั่นจริงแล้วครับ แต่ปัญหาที่ผมกลัวนานาประดามีนั้น หาได้มีจริงเลย เด็กก็มีพูดคุย งอแงบ้าง…

อ่านต่อ

เที่ยวปราสาทหิน..ถิ่นพระเจ้าราเชนวรมัน

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 13 January 201023 September 2016

ทริปเล็กๆ ในตอนปีใหม่ ระหว่างเดินทางไปตจว.ก็แวะเที่ยวเป็นระยะ ใครเคยไปคงพอเดาออกว่าที่ไหน ..ถ้าเดาไม่ออกจะเฉลยละกันนะครับ นี่คือ “ปราสาทพนมรุ้ง” ในวิกิพีเดีย กล่าวถึงพนมรุ้งไว้ว่า ปราสาทหินพนมรุ้งเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย มีการบูรณะก่อสร้างต่อเนื่องกันมาหลายสมัย ตั้งแต่ประมาณพุทธศตวรรษที่ 15 ถึงพุทธศตวรรษที่ 17 และในพุทธศตวรรษที่ 18 พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรขอมได้หันมานับถือพุทธศาสนาลัทธิมหายาน เทวสถานแห่งนี้จึงได้รับการดัดแปลงเป็นศาสนสถานในพุทธศาสนา ในช่วงแรกปราสาทหินพนมรุ้ง สร้างขึ้นจากหินทรายสีชมพู ตั้งอยู่บนยอดเขาพนมรุ้งสูง 1,320 ฟุตจากระดับน้ำทะเล ชื่อพนมรุ้งแปลว่าภูเขาใหญ่ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 15-18 จารึกต่าง ๆ ที่นักวิชาการได้อ่านและแปลพอจะสรุปได้ว่า พระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 3 กษัตริย์แห่งเมืองพระนคร (พ.ศ. 1487-1511) ได้สถาปนาเทวาลัยถวายพระอิศวรที่เขาพนมรุ้ง ซึ่งในสมัยแรก ๆ คงยังไม่ใหญ่โตนัก ต่อมาพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 (พ.ศ. 1511-1544) ได้ทรงอุทิศที่ดินและข้าทาสถวายแด่เทวสถานพนมรุ้ง ในสมัยพุทธศตวรรษที่ 17 นเรนทราทิตย์ เจ้านายแห่งราชวงศ์มหิทรปุระที่ปกครองดินแดนแถบนี้ (ซึ่งเป็นต้นตระกูลของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ผู้สร้างนครวัด) ได้สร้างปราสาทแห่งนี้ขึ้นและได้ทรงบำเพ็ญพรตเป็นโยคี ณ ปราสาทพนมรุ้ง จากนั้นที่แวะยอดฮิตครับ วังน้ำเขียว พอดีเย็นมากแล้วยังไม่มีที่พัก ระหว่างทางแอบเห็นป้ายโฆษณารีสอร์ทต่างๆ เลยลองโทรสุ่มดู เผื่อยังมีที่ว่างให้ซุกหัวนอน ที่แรกก็ได้เลยครับ เจ้าของบอกว่า ความจริงไม่ว่าง แต่คนที่จองเขายกเลิก ห้องน้อยเลยตกเป็นของเรา ผมรีบบึ่งเข้าไปทันที .. นี่คือเจ้าของบ้าน เป็นแมวท้องโต เดินตามเราไม่หยุดเลย ถ้าจะถามว่า ปลายภูหมอก โอเคมั้ย เต็ม 10 ผมให้ 3 ครับ ทางเข้าก็แคบ ขรุขระ รถสวนกันไม่ได้เลย ถ้าบังเอิญมาปะกันระหว่างทางจะทำยังไง?? แอร์ไม่มี (แต่ตอนโทรคุยกันบอกมี) ไฟแสบตามาก อันนี้ผมรับไม่ได้สุดๆ พี่แกเน้นไฟสว่างรีสอร์ท รวมถึงตัวห้องแบบประหยัด ใช้ไฟตะเกียบ แบบสว่างจ้า แสบตามาก นอนดูทีวีบนเตียงต้องปิดไฟ จริงๆรีสอร์ทต้องมีไฟสลัวๆ หรี่ๆ แบบนุ่มๆ สบายตา อันนี้รับไม่ได้ๆ…

พนมรุ้ง
อ่านต่อ

บาป-บุญ-คุณ-เธอ

สุขกะภาพ 3 April 2014

เมื่อตอนเด็กๆ พอยังจำความได้นิดๆหน่อยๆ แม่จะกระเตงผมไปวัดด้วย ขณะฟังพระท่านให้ศีลให้พรผมก็ปีนป่ายตามตัวแม่ แม่ก็พยายามจับมือผมพนมพร้อมกับดุว่าต่อหน้าพระอย่าซน ผมหยุดซนได้ไม่เกิน 10 วินาที ก็เริ่มซนใหม่ ตามประสาเด็ก   พอโตขึ้นมาหน่อย แม่ก็เริ่มสอนให้รู้จักใส่บาตรตอนเช้า ส่วนหนึ่งคือช่วยเป็นภาระแทนแม่ แม่มือไม่ว่าง ก็ได้ผมช่วยใส่บาตรแทน แม่ก็ได้บุญในฐานะคนจัดหาอาหารมาใส่บาตร ผมก็ได้บุญในฐานะตัวแทนมาทำบุญตักบาตร ความใกล้ชิดกับวัดวา พระสงฆ์องค์เจ้าตั้งแต่เด็กนี่เอง ทำให้เรากลัวในบาปบุญคุณโทษ เชื่อเรื่องกรรม ซึ่งอาจจะตรงข้ามกับคนในยุคปัจจุบันที่มองสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องขบขัน และมักมีคำถามแปลกๆ ว่า บาปบุญมีจริงเหรอ? นรกสวรรค์อยู่ตรงไหน? ทำดีได้ดีจริงหรือ? ฯลฯ ผมเองก็คงตอบไม่ได้ต่อคำถามเหล่านี้ เพราะตัวเองก็ไม่เคยคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นคำถาม เหมือนมันมีคำตอบอยู่แล้วในตัวของมัน มันจะค่อยๆชัดเจนเรื่อยๆ ตามวัย เห็นภาพนี้แล้วก็คิดถึงตัวเองตอนเด็กๆ ผมคงไม่นั่งเปะเหมือนเด็กในภาพ แต่วัย ณ ขณะนั้นคงไล่เลี่ยกัน คำอธิบายภาพ : ถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือ iphone 4s หน้าร้านข้าวแกง/อาหารตามสั่ง ติดกับโรงพยาบาลเพชรเวช เสื้อสีม่วงนั่นคือพนักงานของโรงพยาบาลเพชรเวช

พระ ใส่บาตร

อาสาฬหบูชา (ผ่านมา ๒๕๕๒ ปีแล้ว)

เรื่องทั่วไป 7 July 2009

วันอาสาฬหบูชา มีความสำคัญอย่างไร? เราควรทำอะไรบ้างในวันอาสาฬหบูชา? จากคำถามข้อแรก หลายคนคิดถึงเทียน เทียนพรรษา วันอาสาฬหบูชา คือวันที่ต้องถวายเทียนพรรษา ถวายเพื่ออะไร ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าต้องถวาย เป็นไปได้ต้องถวายให้ครบ 9 วัด นัยว่าจะได้อานิสงส์ ถูกหวยรวยเบอร์ กิจการค้าขายดี ลูกสอบเข้าโรงเรียนดังได้ ฯลฯ เรามักจะมองกันผิดด้าน  ผิดวัตถุประสงค์ เหมือนเอากางเกงไปสวมแทนเสื้อ แล้วมาโทษกางเกงว่า ใส่แล้ว ไม่ดีไม่สวย ไม่เท่ ไม่เจ๋ง ไม่ ไม่ ไม่..ฯลฯ วันอาสาฬหบูชา นอกจากจะเป็นวันที่ทำให้เราคิดได้ว่า อักษรไทยยังมี  ฬ (ลอจุฬา) อยู่ และ ฬ อยู่ที่นิ้วไหน หากวางมือลงบนปุ่มคีย์บอร์ด บางคนพิมพ์สัมผัสไม่เก่ง หาไม่เจอ ก็เลยพิมพ์ ล แทน ฬ ซะ ด้วยความมักง่าย หารู้ไม่ว่านั่นคือการทำลายภาษาอย่างไม่รู้ตัว วันอาสาฬหบูชา ว่ากันตามรากศัพท์บาลี แปลว่า วันที่มีดิถีที่แปด ก็คือวันที่มีพระจันทร์เต็มดวงในเดือนแปด  นี่คือคำแปล ส่วนความสำคัญคือ ในวันดังกล่าวนี้ หลังจากพระพุทธองค์ทรงตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณในวันเพ็ญเดือนหก (วันวิสาขาบูชา) แล้ว ก็ทรงพิจารณาว่า ธรรมะของพระองค์ลึกซึ้งนัก ยากที่เหล่าสัตว์จะเข้าใจ แต่ด้วยอาศัยพระมหากรุณาธิคุณ พระองค์พิจารณาลึกซึ้งไปกว่านั้นอีกว่า เหล่าสัตว์มี 4  จำพวก ดั่งบัว 4 เหล่า ย่อมมีทั้งผู้เข้าใจและไม่เข้าในในธรรมะข้อเดียวกัน ดังนั้น พระองค์จึงเสด็จโปรดสัตว์โลก และวันนี้เองที่พระทรงประกาศพระธรรมเทศนา อันมีชื่อว่า ธัมมจักกัปปวัตนสูตร หลังจากจบพระธรรมเทศนา พระองค์ก็ได้พระสาวกรูปแรกในพระพุทธศาสนา นั่นคือ พระกัญฑัญญะ.. ถามว่า เราควรทำอะไรในวันนี้บ้าง? ตอบง่ายๆแบบไม่ต้องคิด ทำดีครับ และใช่แต่วันนี้ ควรทำทุกๆวันด้วย  แต่ในฐานะที่วันนี้เป็นวันที่มีความสำคัญในทางพระพุทธศาสนา เราก็ควรทำบุญให้พิเศษหน่อย เช้าเข้าวัดรับศีลห้า ถวายทาน ฟังธรรม และถ้าเป็นไปได้ นั่งสมาธิทำใจให้สงบซะหน่อยก็ดี ชีวิตเดินมาจึงขนาดนี้ ไม่เคยหยุดพักเลย หยุดสักทีก็ไม่รู้สึกตัวแล้ว(นอนหลับ) ตื่นขึ้นอีกใหม่ ก็ต้องวุ่นวาย เบียดเสียด…

ไม้ม้วน ไม้มลาย

เรื่องทั่วไป 4 August 2008

วันก่อนมีปัญหาถกกันในแผนก เกี่ยวกับการใช้ภาษาไทย เพื่อนคนหนึ่งใช้ภาษาไทยคำว่า “ไว้” ใช้เป็น “ใว้” ตลอด (ไม้มลาย เป็นไม้ม้วน) และยืนยันว่าตัวเองถูก ผมจึงแนะนำไปว่า “ไม้ม้วนนะ มีแค่ 20 คำ ท่องผู้ใหญ่หาผ้าใหม่..ได้มั้ย ถ้าท่องได้ ท่องให้จบ นั่นคือไม้ม้วนทั้งหมดที่มีใช้ ถ้านอกเหนือจากนั้น ถือเป็นไม้มลาย” มันก็อุตส่าทบทวน แล้วมาคัดค้านกับผมใหม่ว่า คำว่าไว้น่าจะเป็นไม้ม้วนนะ เพราะมันมีในบทผู้ใหญ่หาผ้าใหม่ด้วย.. ผมก็ เฮ้ย..มันมีด้วยเหรอ ท่องมาแต่เด็ก ไม่ยักจะเคยได้ยิน ไหนลองว่าให้ฟังสิ มันก็เริ่มเลยครับ.. “ผู้ใหญ่หาผ้าใหม่ใว้ ให้สะใภ้ใช้คล้องคอ..นี่แหละๆๆ ตรงหาผ้าใหม่ใว้นี่แหละ เห็นมั้ยๆ มันมีจริงๆด้วย” มันหน้ามึนมาก ท่องมาได้ ผู้ใหญ่หาผ้าใหม่ไว้ ให้สะใภ้ใช้คล้องคอ..วันนี้ก็เลยหาหาบทดังกล่าวมาอ้างอิง เดี๋ยวนี้ใช้ผิดกันเยอะครับ ภาษาไทย เขียน/ใช้ให้ถูก จะได้ถึงรุ่นลูกรุ่นหลานอีกนานเท่านาน.. ผู้ใหญ่หาผ้าใหม่  ให้สะใภ้ใช้คล้องคอใฝ่ใจเอาใส่ห่อ  มิหลงใหลใครขอดูจะใคร่ลงเรือใบ  ดูน้ำใสและปลาปูสิ่งใดอยู่ในตู้  มิใช่อยู่ใต้ตั่งเตียงบ้าใบ้ถือใยบัว  หูตามัวมาใกล้เคียงเล่าท่องอย่าละเลี่ยง  ยี่สิบม้วนจำจงดี   วันเดียวกัน อีกคนถามผมเกี่ยวกับภาษาไทย (อย่างกับผมเป็นอาจารย์ภาษาไทยอย่างนั้นแหละ ไม่ใช่นะครับ แต่ตอบได้เท่าที่รู้) ถามมาว่า “คำว่าสังเกตเนี่ย สระอุ ไว้ใต้ ต.เต่า หรือ ก.ไก่ ดี” ใครรู้ช่วยตอบผมทีครับ ถ้าถามว่า คำว่าสังเกต มีสระอุ หรือไม่มี ยังจะพอแก้ไขได้ ถามมาแบบนี้ อาการหนักครับ

อ่านต่อ

จิ๊กกี๋ในวัย 70 กะรัต

สุขกะภาพ, ไดอารี่ 23 September 20163 November 2017

เข้าสู่วัย 10 ขวบแล้วสำหรับจิ๊กกี๋ ถ้าเป็นคนก็เริ่มเข้าสู่วัย 70 นิสัยเธอก็ยังเป็นเหมือนเดิม ขี้อ้อน ขี้กลัว กลัวฝนกลัวฟ้าร้องกลัวฝนตก สายตาเริ่มพร่ามัว มองไกลๆไม่ค่อยเห็นตามประสาหมาสูงอายุ แต่ยังเป็นหมาที่กินยาก ฉี่ยาก อึยากเช่นเคย เอาภาพมาอัพเดตไว้เท่านี้แหละ

จิ๊กกี๋
อ่านต่อ

City run วิ่งชมเมือง สาทร – วงเวียนใหญ่

วิ่ง, สุขกะภาพ 24 April 201924 March 2020

City Run คือการวิ่งออกกำลังกายนอกสถานที่ครับ วิ่งไปตามตรอกซอกซอย หรือเส้นทางที่คับแคบไม่มีรถและคนจอแจ กรุงเทพฯเป็นเมืองหลวงที่มีพื้นที่กว้างขวางและมีตรอกซอกซอยจุดเล็กจุดน้อยเยอะมาก ถึงจะอยู่กรุงเทพเป็นสิบๆปีแต่รับรองเลยว่ามีอีกหลายที่ๆเราไม่เคยเห็นหรือไม่เคยไปถึง การวิ่ง city run จะทำให้เข้าถึงสถานที่เหล่านั้นได้ การวิ่ง city run ครั้งนี้เส้นทางเน้นเลียบไปกับแม่น้ำเจ้าพระยาครับ เริ่มต้นที่สะพานสาทร ลัดเลาะไปตามแม่น้ำจนถึงวัดอรุณและไปจบที่วงเวียนใหญ่ อนุสาวรีย์ชัยพระเจ้าตากสิน สำหรับท่านที่ไม่เคยไปกราบสักการะอนุสาวรีย์พระเจ้าตากสินที่วงเวียนใหญ่นะครับ วิธีเข้าไปข้างในต้องลอดใต้อุโมงค์ อุโมงค์อยู่ขวามือถ้าไปจากสะพานพุทธ ครั้งหน้าไปวิ่ง cityrun ที่ไหนค่อยว่ากันครับ

cityrun วิ่ง

แบ่งตามหมวด

  • say (9)
  • กลอน (1)
  • คุยกับคอม (9)
  • ช่วยชิม (10)
  • ท่องเที่ยว (50)
  • บ่น (36)
  • บ้านบ้าน (17)
  • พูดจาภาษาฝรั่ง (9)
  • วิ่ง (26)
  • สุขกะภาพ (62)
  • เพลงสั้น (11)
  • เรื่องทั่วไป (88)
  • เรื่องยาว (9)
  • เรื่องสั้นสั้น (47)
  • แมคบุค (4)
  • ไดอารี่ (65)

Copyright © 2020. All rights reserved.

Contact me : nevikup@gmail.com
Facebook.com/aroundmeTH