Skip to content

N E V I K U P

Find your Heart, Find the Happiness.

☰
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ

จราจร

อ่านต่อ

จส.100 รัก

เรื่องสั้นสั้น 6 February 201431 July 2015

เบื้องหน้าของเขาคือถนน 3 เลนที่คลาคล่ำด้วยฝูงรถซึ่งกระเถิบกันไปเต็มพื้นที่ถนนจนหาเลนไม่เจอ ใช้คำกิริยาว่า “กระเถิบ” คงไม่ผิดนัก เพราะรถค่อยๆ ไปทีละสเต็ป ช้ากว่ารถมอเตอร์ไซต์หรือแม้แต่จักรยาน ดีกว่าหน่อยตรงที่มีแอร์เย็นๆ และเพลงเพราะๆ  เขาเลือกที่จะฟังช่องรายงานจราจรแทนที่จะฟังเพลง  มิใช่เพราะอยากรู้เส้นทางไหนรถติดจะได้หลีกเลี่ยง หรือใคร่รู้ในข่าวสารจราจร เขาเพียงอยากได้ยินเสียง ‘เธอ’ ในทุกๆเช้าที่ขับรถฝ่ารถติดไปทำงาน! เวลา 07.00 น. จนถึง 09.00 น. เขาจำช่วงเวลาที่เธอจัดรายการได้ดี เพราะเป็นช่วงเวลาที่เขาต้องนั่งนิ่งๆอยู่บนรถในถนนอันคับแคบ เขาเฝ้าฟังคนที่โทรไปรายงานผลจราจรจากจุดต่างๆ ทั่วกรุงเทพ น้ำเสียงที่เธอเจรจากับแท็กซี่ หน่วยกู้ภัย ตำรวจจราจร หรือแม้แต่คนทั่วๆไปที่โทรมารายงานผล ช่างไพเราะ น้ำเสียงสดใส แฝงด้วยความเป็นห่วงใยเมื่อสมาชิกโทรมาแจ้งอุบัติเหตุ เธอช่วยติดต่อประสานงานให้ผู้ใช้รถบนท้องถนนที่ประสบปัญหา สามารถผ่านพ้นปัญหาไปได้ด้วยดี เธอ คือ ‘นางฟ้าจราจร’ เขาเฝ้าฝันสักครั้งหนึ่ง อยากจะโทรเข้าไปในรายการบ้าง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะโทรไปรายงานผลอะไร รายงานผลจราจรรึ? เขากังวลที่จะใช้ศัพท์เทคนิคทางจราจร ไม่ว่าจะเป็นขาเข้า ขาออก รถขาเข้าคือทางไหน และรถขาออกคือจากไหนออกไปไหน แล้วถ้าเธอถามกลับมาว่า เราอยู่ในช่วงไหน เราจะตอบเธอยังไงดี? ช่วงกำลังรัก หรือช่วงกำลังคิดถึง ถ้าเธอไม่ตลกกับมุขนี้ละ? เราไม่เก่งเรื่องการจราจร รู้แต่ว่า ณ จุดตรงนี้รถติด แต่ข้างหน้าอีก 100 เมตร 200 เมตร หรือ 500 เมตรจะติดไหม? ถ้ารถไม่ติด แต่เราแจ้งว่าติดจะผิดไหม? เรื่องจะโทรรายงานผลจราจร เป็นอันต้องยกเลิกความคิด รายงานอุบัติเหตุ  ครั้งหนึ่งเขาเคยเห็นรถกระบะชนท้ายรถเก๋ง ส่งผลให้รถติดเพิ่มความติดทวีคูณยิ่งหนักกว่าเดิม คู่กรณีทั้ง 2 ยังไม่ยอมเอารถออกจากจุดเิกิดเหตุ ต่างโยนความผิดใส่กันไปมา ต้องรอตำรวจมาเจรจาตั้งนานสองนาน รถจากถนน 3 เลนเหลือ  2 เลน ค่อยๆขยับไปจนถึงจุดเกิดเหตุ เขาพยายามเพ่งมองความเสียหายที่เกิดจากการเฉี่ยวชน มีเพียงรอยถลอกเล็กๆจากกันชนหน้า แผลเท่านี้เอาน้ำฉีดแรงๆ ก็หาย แต่ทั้งสองฝ่ายก็ไม่ยอม เขาละอายที่จะโทรแจ้งอุบัติเหตุที่เล็กน้อยแต่ส่งผลให้รถติดได้มหาศาลนี้ และเขาช้ากว่าคนอื่นเสมอ ไม่นานจากเหตุเกิดเขาได้ยินเสียงคนโทรเข้าไปรายงานผลแล้ว เขาคงเหมาะที่จะฟังเธออย่างเดียวจริงๆ สักครั้ง เขาอยากจะฟังเสียงเธอที่คุยกับเขา ไม่ใช่ฟังเธอผ่านวิทยุอย่างนี้ แว่บความคิดหนึ่งเกิดขึ้น เขารีบหยิบโทรศัพท์ รู้สึกมีความสุขเมื่อกดหาเบอร์ที่คุ้น แต่ไม่เคยกดหาแม้แต่ครั้งเดียว…

จราจร จส.100 รัก
อ่านต่อ

ใบสั่ง

เรื่องสั้นสั้น 19 September 200614 June 2019

ฝนตกตั้งแต่บ่ายแก่ๆ ล่วงถึงเวลาเย็นเลิกงานยังคงโปรยปรายไม่จางหาย สภาพรถบนถนนจึงติดแง่ก ถนนลื่น ตำรวจจราจรในชุดกันฝนสีส้มตะเบะหนึ่งครั้ง ก่อนกระแทกเสียง “ขอดูใบขับขี่หน่อยสิ” เหยื่อผู้ประสบเหตุเป็นพนักงานส่งเอกสารที่พึ่งเลิกงานพอดี เขาชื่อวิชิต วิชิตมีภรรยาผู้น่ารัก 1 คน และลูกตัวเล็กๆ อีก 2 คนโตกำลังเรียนชั้นป. ๕ ส่วนคนเล็กพึ่งเข้าอนุบาล เขาจำไม่ได้ว่ากี่ครั้งแล้วที่ต้องถูกเรียกและถามหาใบขับขี่อย่างนี้ ถ้ามีใบขับขี่ให้ ก็หาเรื่องเพื่อจะจับข้อหาอื่นน กระจกต่ำไปบ้าง หมวกกันน็อกไม่ได้มาตรฐานบ้าง หรือกระทั่งเสียงดังรบกวนประชาชน .. วันนี้เช่นกัน วิชิตถูกเรียกอีกแล้ว โดยตำรวจจราจรคนเดิม เขารู้ชะตากรรมดีว่า ตำรวจนายนี้ต้องการอะไร “พอดีรีบ วันนี้จึงไม่ได้เอามาครับจ่า” “งั้น แวะเข้ามาข้างทางก่อน สงสัยต้องมีเรื่องคุยกันยาว คุยที่นี่คงไม่จบ” “จ่าครับ ลูกผมอยู่ที่รร.ยังไม่มีใครไปรับเลย” “เฮ้ย..นั่นมันเรื่องของคุณ ไหน ไม่มีใบขับขี่ เอาบัตรอย่างอื่นมาดูสิ” “บัตรประชาชนเหรอครับ ผมมีๆ” “บัตรสีแดงๆนะ มีป่าว ใบเก่าๆสักใบสองใบ” วิชิตรู้ทันทีว่าหมายถึงอะไร ในกระเป๋ามีเงินเหลือ 120 บาท เมื่อวานสัญญากับลูกว่าจะพาไปซื้อกระเป๋าใส่หนังสือใบใหม่แทนใบเก่าที่มันเก่าจนขาดรุ่งริ่ง ตอนส่งลูกไปรร.เมื่อเช้าแวะไปดูแล้ว ราคาแค่ 89 บาท หลังจากซื้อกระเป๋า น่าจะพอมีเงินซื้อลูกชิ้นกินกับลูกอีกคนละ 2-3 ไม้ แต่ถ้าไปโรงพักอาจเสียมากกว่านี้ ตัดใจ ล้วงกระเป๋าตังค์ หยิบแบงค์ร้อย “เฮ้ยๆๆ หยิบให้กันอย่างนี้ เดี๋ยวก็ซวยหรอก คนอื่นเห็นไม่เท่าไร เสือกมีกล้องวงจรปิดถ่ายติด ได้ซวยหมดโรงพัก โน่น เห็นป้อมโน่นไหม” ตำรวจจราจรชี้ไปที่ป้อมตำรวจตรงสี่แยก “เห็นครับ” “นั่นแหละ เดินไปตรงนั้น จะมีหมวกตำรวจวางหงายไว้ วางเงินไว้ในนั่นเลย โอเค๊?” วิชิตดุ่มๆไปป้อมตำรวจ ซึ่งมีระยะทางจากที่เกิดเหตุประมาณ 50 เมตร เมื่อถึงป้อมตำรวจ ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่ในนั้น ตรงช่องหน้าต่างเล็กๆ มีหมวกตำรวจตั้งหงายอยู่ “คงหมายถึงหมวกใบนี้สินะ” เมื่อชำเลืองมองในหมวก ก็เห็นเงินใบสีแดงเต็มไปหมดเกือบเต็มหมวก หันไปมองตำรวจที่รอเขาอยู่ที่รถมอไซค์ ตำรวจพยักหน้าเป็นอันให้รู้ว่า ให้หย่อนมันลงไปในหมวกใบนั้นซะ วิชิตหยิบธนบัตรแบงค์ร้อยจากกระเป๋าสตางค์ หย่อนชัดๆให้ตำรวจเห็นว่าเขาได้ให้เงินแล้ว ขณะที่กำลังหย่อนเงินลงไปนั้น แว่บนึงเขาแอบชำเลืองมองไปที่นายตำรวจจคนเดิม เมื่อเห็นว่าตำรวจจราจรไม่ได้มองมาที่เขาอีกแล้ว จึงหยิบแบงค์ร้อยจากหมวกมา 3…

จราจร ตำรวจ ใบสั่ง
อ่านต่อ

อิ่มท้อง อิ่มบรรยากาศ ณ เรือนรับรอง

สุขกะภาพ, ไดอารี่ 31 July 200829 June 2016

ที่จริงจะเล่าหลายครั้งแล้ว ปรากฏว่าภาพประกอบอยู่ใน memory card แล้วเจ้าตัว card reader ดันเสีย ก็เลยไม่สามารถเอารูปในมือถือมาประกอบการเล่าได้ (ถ้าไม่มีภาพแล้ว ดูขาดความน่าเชื่อถือยังไงพิกล) เรื่องที่จะเล่า ก็คือ อยากจะแนะนำอาหารให้ไปชิมกันซะหน่อยครับ เมื่อวันที่ 23 กรกฏาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเกิดผมนี่แหละ อยากจะได้บรรยากาศดีๆ ไม่เอิกเกริก ก็จึงได้สถานที่แห่งหนึ่งครับ ตั้งอยู่ บนดาดฟ้าชั้น 12 พิศวิทย์ทาวเวอร์ ซ.พหลโยธิน 24 จากปากซอยพหลโยธิน 24 (ใกล้แดนเนรมิต) จะมีป้ายบอกทางมาเป็นระยะๆ ขับรถตามป้ายเข้ามาเรื่อยๆ พอถึงพิศวิทย์ทาวเวอร์ก็ขึ้นลิฟท์มาที่ชั้น 12 ซึ่งเป็นชั้นดาดฟ้าเลย ร้านนี้ชื่อร้านเรือนรับรอง บรรยากาศที่มองจากชั้นบนดาดฟ้า ตรงกลางมีสระน้ำ รอบๆมีต้นไม้ และโต๊ะอาหาร (เสียดายไม่ได้ถ่ายรูป) อีกมุมหนึ่ง ดูภาพวิวรอบๆ พอแล้ว ทีนี้มาดูอาหารซึ่งเป็นไฮไลต์กัน วันนั้นสั่งไปหลายอย่างทีเดียว  แต่ละอย่างผมจำชื่อไม่ได้ แต่ที่จำได้คือรสชาติ รสชาติเยี่ยมเลยครับ ที่เห็นเป็นรูปลูกมะพร้าว นั่นคือห่อหมกยอดมะพร้าว ภาพล่างขวาปลาหมึกคลุกด้วยไข่เค็มทอด บนขวาไก่ทอด ที่นี่ทอดได้กำลังดีทีเดียว เนื้อนุ่ม ไม่แข็งไป ~ รวมๆแล้ว ถือว่าไม่เลวทีเดียว จากคะแนนเต็ม 10  บรรยากาศร้านให้ 7  รสชาติอาหารให้ 8 บรรยากาศบนดาดฟ้าดีทีเดียวครับ เป็นโอเพ่นแอร์ ~ ว่างๆลองไปชิมดูครับ

เรือนรับรอง
อ่านต่อ

เที่ยวปราสาทหิน..ถิ่นพระเจ้าราเชนวรมัน

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 13 January 201023 September 2016

ทริปเล็กๆ ในตอนปีใหม่ ระหว่างเดินทางไปตจว.ก็แวะเที่ยวเป็นระยะ ใครเคยไปคงพอเดาออกว่าที่ไหน ..ถ้าเดาไม่ออกจะเฉลยละกันนะครับ นี่คือ “ปราสาทพนมรุ้ง” ในวิกิพีเดีย กล่าวถึงพนมรุ้งไว้ว่า ปราสาทหินพนมรุ้งเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย มีการบูรณะก่อสร้างต่อเนื่องกันมาหลายสมัย ตั้งแต่ประมาณพุทธศตวรรษที่ 15 ถึงพุทธศตวรรษที่ 17 และในพุทธศตวรรษที่ 18 พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรขอมได้หันมานับถือพุทธศาสนาลัทธิมหายาน เทวสถานแห่งนี้จึงได้รับการดัดแปลงเป็นศาสนสถานในพุทธศาสนา ในช่วงแรกปราสาทหินพนมรุ้ง สร้างขึ้นจากหินทรายสีชมพู ตั้งอยู่บนยอดเขาพนมรุ้งสูง 1,320 ฟุตจากระดับน้ำทะเล ชื่อพนมรุ้งแปลว่าภูเขาใหญ่ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 15-18 จารึกต่าง ๆ ที่นักวิชาการได้อ่านและแปลพอจะสรุปได้ว่า พระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 3 กษัตริย์แห่งเมืองพระนคร (พ.ศ. 1487-1511) ได้สถาปนาเทวาลัยถวายพระอิศวรที่เขาพนมรุ้ง ซึ่งในสมัยแรก ๆ คงยังไม่ใหญ่โตนัก ต่อมาพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 (พ.ศ. 1511-1544) ได้ทรงอุทิศที่ดินและข้าทาสถวายแด่เทวสถานพนมรุ้ง ในสมัยพุทธศตวรรษที่ 17 นเรนทราทิตย์ เจ้านายแห่งราชวงศ์มหิทรปุระที่ปกครองดินแดนแถบนี้ (ซึ่งเป็นต้นตระกูลของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ผู้สร้างนครวัด) ได้สร้างปราสาทแห่งนี้ขึ้นและได้ทรงบำเพ็ญพรตเป็นโยคี ณ ปราสาทพนมรุ้ง จากนั้นที่แวะยอดฮิตครับ วังน้ำเขียว พอดีเย็นมากแล้วยังไม่มีที่พัก ระหว่างทางแอบเห็นป้ายโฆษณารีสอร์ทต่างๆ เลยลองโทรสุ่มดู เผื่อยังมีที่ว่างให้ซุกหัวนอน ที่แรกก็ได้เลยครับ เจ้าของบอกว่า ความจริงไม่ว่าง แต่คนที่จองเขายกเลิก ห้องน้อยเลยตกเป็นของเรา ผมรีบบึ่งเข้าไปทันที .. นี่คือเจ้าของบ้าน เป็นแมวท้องโต เดินตามเราไม่หยุดเลย ถ้าจะถามว่า ปลายภูหมอก โอเคมั้ย เต็ม 10 ผมให้ 3 ครับ ทางเข้าก็แคบ ขรุขระ รถสวนกันไม่ได้เลย ถ้าบังเอิญมาปะกันระหว่างทางจะทำยังไง?? แอร์ไม่มี (แต่ตอนโทรคุยกันบอกมี) ไฟแสบตามาก อันนี้ผมรับไม่ได้สุดๆ พี่แกเน้นไฟสว่างรีสอร์ท รวมถึงตัวห้องแบบประหยัด ใช้ไฟตะเกียบ แบบสว่างจ้า แสบตามาก นอนดูทีวีบนเตียงต้องปิดไฟ จริงๆรีสอร์ทต้องมีไฟสลัวๆ หรี่ๆ แบบนุ่มๆ สบายตา อันนี้รับไม่ได้ๆ…

พนมรุ้ง

ความขี้เกียจ ~ กิเลสที่นอนเนื่องในสันดาน

เรื่องทั่วไป 28 March 2009

เสาร์นี้ เป็นเสาร์ที่น่าเบื่อ นั่งทำงานด้วยความเบื่อ และขี้เกียจ ความรู้สึกขี้เกียจ ในหนังสือ เดอะ ท็อป ซีเคร็ค ของทันตแพทย์สม สุจิรา บอกไว้ว่า เป็นความรู้สึกลบที่ต้องกำจัดทิ้ง เพราะความรู้สึกลบ จะดึงดูดสิ่งที่ลบเข้ามาตามกฏแห่งการดึงดูด และที่ร้ายไปกว่านั้น ความรู้สึกลบนี้อาจจะถูกฝังไว้ในจิตใต้สำนึก นั่นหมายถึง ไอ้เจ้าความรู้สึกลบนี้อาจจะอยู่กับเราไปอีกนานเท่านั้น ข้ามภพข้ามชาติไปเลยทีเดียว ทีนี้ กลับมาถามตัวเองต่อ เราชอบมั้ยละ ความขี้เกียจนี้ ปล่าวเลย เราไม่ชอบ และเรารู้ดีอยู่แก่ใจว่ามันไม่ดี ดังนั้น ต้องรีบสร้างความรู้สึกขยัน มุ่งมั่น  และที่สำคัญต้องสร้างแรงจูงใจ สร้างแรงขับให้ได้  ทันตแพทย์สม สุจิรา เขียนไว้ว่า “โดยปกติการคิดถึงแรงจูงใจ จะเกิดความสุขมากกว่า การคิดถึงแรงขับ  ดังนั้นคนที่จมปลักอยู่กับความทุกข์ โดยไม่มีแรงจูงใจ  ยากที่จะประสบความสำเร็จ  แรงขับเพียงอย่างเดียว กำหนดทิศทางชีวิตในอนาคตยาก  เช่นเดียวกับการยิงขีปนาวุธ ถ้ายิงด้วยแรงขับจากดินปืนเพียงอย่างเดียว โอกาสไม่ถูกเป้าหมายมีสูงมาก เพราะควบคุมทิศทางไม่ได้  แต่เมื่อใดที่ใช้ขีปนาวุธนำวิถี ก็เหมือนกับ เป้าหมายเป็นตัวดูดให้ขีปนาวุธนั้นวิ่งเข้าไปหาด้วย  โอกาสประสบความสำเร็จสูงมาก   แรงผลักกำหนดทิศทางยากกว่าแรงดูด  ดังนั้นในวิถีชีวิตก็เช่นกัน  พยายามมองหาแรงจูงใจให้พบ  มิฉะนั้นแรงขับที่มีอยู่ก็ปราศจากประโยชน์..” (เนื้อความส่วนนี้ เป็นตัวอย่างหนังสือ เดอะ ท็อป ซีเคร็ค เล่ม ๒ อยากอ่านคลิกที่นี่) ช่วงนี้คลั่งหนังสือของทันตแพทย์สม สุจิรามาก ตั้งแต่ ตอบปัญหาวิชาโลก, ไอสไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น, เจาะตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และ เดอะ ท็อป ซีเคร็ค ตั้งใจจะอ่านให้ครบเซ็ตของแกซะหน่อย เหลืออีกไม่กี่เล่ม (ตอบปัญหาวิชาใจ, ตอบปัญหาวิชาชีวิต, เกิดเพราะกรรมหรือความซวย และทวารหก ศาสตร์แห่งการรู้ทันตนเอง) วกเข้ามาเรื่องน่าเบื่อของวันเสาร์ต่อ ถึงแม้เข้าใจดี ถึงกิเลสข้อที่ว่าด้วยความขี้เกียจ แต่กระนั้น วันนี้ผมยอมแพ้ต่อความขี้เกียจอย่างราบคาบ นอกจากไม่เร่งทำงานที่กองท่วมหัวให้เสร็จๆแล้ว ยังแอบมาเขียนบล็อก และทำภาพประกอบนี่อีก ได้ภาพฮาๆ เหล่านี้มา เลยมานั่งรวบรวมไว้แก้เบื่อ.. ไม่รู้ช่วยได้หรือเปล่านะ แต่นั่งๆดูแล้ว บางภาพที่คนในภาพทำหน้าตาตลกๆ ธรรมชาติๆ ตามสัญชาตญาณของมนุษย์ ก็ขำดี ป.ล. ภาพพระซ่อมมอไซต์…

อ่านต่อ

กินเหล้าคนเดียว

บ่น, เรื่องทั่วไป 12 September 201721 December 2017

รสชาติแห่งเหล้า ถึงจะเป็นที่ลุ่มหลงหรือถึงขั้นคลั่งไคล้ของใครหลายๆคน แต่รสชาติแห่งบรรยากาศในวงเหล้ากลับน่ารื่นรมย์กว่ามาก

hackaton MRT รถไฟฟ้าสายสีม่วง
อ่านต่อ

Oh my ghost

ไดอารี่ 10 October 20163 November 2017

หลังจากโบกลาละครไทยอย่างไม่ใยดี ผมหันมาดูซีรีย์ต่างประเทศอย่าง Walking dead, CSI , NCIS  etc. แต่บางครั้งซีรีย์แนวสืบสวนฆาตกรรมของต่างประเทศ ดูบ่อยๆเข้าก็จำเจและเริ่มจะจำทางได้ ผมจึงหันมาทางซีรีย์เกาหลีบ้าง หลายคนเตือนว่าอย่าดู ..เพราะจะติด! เหี้ย! ซีรีย์เกาหลีนะไม่เว้ย ไม่ใช่บุหรี่ จะติดกันง่ายๆได้ยังไง โดยพื้นฐานผมเป็นคนชอบดูละครมาก โดยเฉพาะละครไทย ผมดูตามแม่พี่ป้าน้าอาที่พาดูตั้งแต่เด็กๆ แต่เชื่อเถอะครับ ละครไทยที่ผมเคยดูเมื่อตอนเด็กๆ กับละครไทยในปัจจุบันยุคที่อวดอ้างว่าล้ำหนักหนา ยุคโซเชี่ยล ยุคดิจิตอล ยุคห่าเหวอะไรนั่น .. ละครไทยยังคงมีบทเดิมๆ เนื้อเรื่องเดิมๆ พล็อตเดิมๆ ตัวอิจฉาตบตีแย่งพระเอก อีตัวอิจฉาต้องแต่งตัวแร่ดๆ ยั่วๆ ทำหน้าทำตาแบบอิจฉ๊า อิจฉา นี่แค่พูดถึงตัวอิจฉานะ อย่าให้ต้องพูดถึงนางเอกพระเอก หรือแม้แต่คนทำสวน คนขับรถ ฯลฯ ไม่อยากจะพูด ละครไทย! กลับมาที่ซีรีย์เกาหลีดีกว่า ผมเลือกดูเรื่อง Oh my ghost ดูน่าจะเป็นซีรีย์แนวผี ตลกๆ .. ดูได้ 3 ตอนติดครับ ติดงอมแงมเลยจริงๆ มีผลทำให้ซีรีย์เกาหลีเรื่องอื่นๆ มึงโดนกูเสพแน่ เรื่อง Oh my ghost ดูแรกๆเหมือนจะไม่มีอะไรเป็นซีรีย์เบาสมองสบายๆ แต่สไตล์เกาหลีครับ ทำซีรีย์ทั้งทีจะให้ง่ายๆ เดาทางถูกนั้นมันง่ายไป ตอนแรกๆดูเบาๆ สบายๆ แต่พอถึงกลางเรื่องจนจบจะเข้มข้นจนไปไหนไม่ได้เลยทีเดียว Oh my ghost เป็นเรื่องราวของผีตนหนึ่งที่ตายแล้วยังไปเกิดไม่ได้ เพราะมีเรื่องที่เป็นบ่วงติดไว้ในโลกมนุษย์ จึงเป็นผีร่อนเร่สิงคนโน้นทีคนนี้ที จนกระทั่งมาเจอกับนางเอก (นางเอกในเรื่องนี้ชื่ออะไรไม่รู้ ..แต่น่ารักมากครับ ทั้งหน้าตา น้ำเสียงและบุคลิก) นางเอกมีความสามารถพิเศษตั้งแต่เด็กคือสามารถเห็นผีได้ และโดยที่เป็นคนเห็นผีนี่เอง จึงทำให้ถูกมองว่าเป็นตัวประหลาดตั้งแต่เด็กๆ ไม่มีเพื่อน และขาดความมั่นใจ ร่างกายอ่อนแอ พอมาเจอกับผีเร่ร่อนจึงถูกผีสิงโดยง่าย นางเอกทำงานในร้านอาหารของพระเอก ..นางเอกถูกผีสิง ก่อนถูกผีสิงนางเอกก็แอบรักพระเอกซึ่งเป็นเชฟสุดหล่ออยู่แล้ว พอผีมาเจอพระเอกได้รับความรู้สึกดีๆจากพระเอก ก็เกิดหลงรักพระเอกเข้าไปอีก จึงเกิดรักสามเส้า ระหว่างคนและผี เรื่องราวเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆครับ เมื่อผีเร่ร่อนที่เข้าใจมาตลอดว่าตัวเองฆ่าตัวตาย แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ ..การสืบสวนหาสาเหตุการตายก็เริ่มขึ้น … ผมเล่าไว้แค่นี้ละกัน เผื่อใครผ่านมาอ่านจะได้ไม่รู้สึกว่าถูกสปอยล์ บอกได้เลยว่า…

oh my ghost เกาหลี

ตัณหาพาไป~

เรื่องทั่วไป 25 June 2008

ช่วงนี้ลูกชายผมกำลังอยู่ในช่วงหนุ่มเต็มที่ มีอารมณ์ได้ตลอดเวลา ขณะนั่งทำงานอยู่ดีๆ มันมาเกาะขาผมกระดึ๊บๆ พยายามจะปล้ำขาผมให้ได้ ก่อนจะปล้ำมีการมาโลมเล้า เลียขาจนน่ารำคาญ คิดไปคิดมาก็น่าสงสารมันเหมือนกัน จะพาไปเที่ยวอาบอบนวด ก็ไม่รู้ว่าที่ไหนมีอาบ อบ นวดสำหรับกระต่ายบ้าง ก็จึงจำยอมให้มันข่มขืนขาไปพลางๆก่อน  พอพ้นฤดูของมัน อารมณ์ของมันก็น่าจะปกติ  พูดถึงเรื่องนี้ เมืือคืนดูรายการตี 10 กรณีหญิงสาวที่มาแฉว่าถูกพ่อพยายามข่มขืน ตัณหานี่ไม่เข้าใครออกใครจริงๆ จนน่ากลัว สัตว์อย่าง หมา กระต่าย วัว ควาย มันมีเพศสัมพันธ์กันตามฤดู มีเพื่อสืบพันธ์ แต่คนมีเพศสัมพันธ์เพื่อสนองตัณหาตัวเอง ต้องการเซ็กเหมือนต้องการอาหาร ก็ไม่ปฏิเสธว่าเซ็กส์มันสุดยอด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเซ็กส์คือสิ่งที่ดีที่สุด อาจจะมีการวิจัยมาแล้วว่า เซ็กส์ที่เหมาะสมทำให้สุขภาพแข็งแรง เซ็กส์ทำให้เลือดสูบฉีดดี แต่เซ็กส์ต้องอยู่ในขอบเขตแห่งความถูกต้อง เหมาะสม มีศีลธรรม .. นับวันข่าวแนวพ่อข่มขืนลูก ลูกข่มขืนแม่ พี่ข่มชืนน้อง ฯลฯ จะเยอะขึ้นจนน่าตกใจ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวของต่างประเทศ ที่พ่อแท้ๆ ขังลูกสาวไว้ที่ห้องใต้ดิน และข่มขืนจนมีลูกหลายคน.. อ่านข่าวแล้วก็อนาถ ปฏิเสธอไม่ได้ว่า ที่โลกเจริญได้ทุกวันนี้ ก็เพราะตัณหาเป็นตัวขับเคลื่อน อยากบินได้เหมือนนก ก็คิดก็ค้นจนได้เครื่องบิน อยากเดินทางไปในน้ำได้เหมือนปลา ก็คิดก็ค้นจนได้เรือ อยากไปไหนมาไหนเร็วเหมือนมา ก็คิดก็ค้นจนได้รถ อยากร่ำอยากรวย ก็เล่นการเมือง..ฯลฯ แต่ตัณหาที่อยู่เหนือการควบคุมของปัญญา ย่อมนำพาไปในทางเลวร้าย ยิ่งช่วงนี้อยู่ในช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ยิ่งทำให้เห็นตัณหากันดาษดื่นในสภา แต่ละคนออกมาพูด ก็น่าเชื่อทั้งนั้น พูดกันคนละที เลยไม่รู้ว่าใครพูดจริง ใครพูดโกหก ใครพูดเพื่อบ้านเมือง ใครพูดเพื่อตัวเอง เพื่อพวกพ้อง หรือเพื่อผู้มีบุญคุณ(คนนั้น)  ป.ล. วันนี้นั่งคิดตั้งนานว่าจะมาบ่นอะไรดี เหลือบไปเห็นช่อง NBT เห็นคนๆนี้เข้า ก็เลยอยากจะเขียน แต่ไม่กล้าเขียนลงลึก เพราะผู้ไม่รู้ ไม่ควรพูดมาก..เดี๋ยวปากจะพาจน

เธอชื่อ "จิ๊กกี๋"

ไดอารี่ 21 June 2011

ถูกเอ่ยชื่อถึงในบล็อกก่อนหน้านี้ วันนี้เลยพามาแนะนำให้รู้จักซะหน่อย เธอชื่อจิกกี๋ ดูจากสารรูปภายนอก หลายคนนึกว่าเป็นเพศชายครับ แต่แท้จริงแล้วเธอเป็นสุภาพสตรี ย้อนไปเมื่อ 6 ปีก่อน จิ๊กกี๋เกิดในตระกูลหมาข้างถนน แม่จิ๊กกี๋เป็นหมาจรจัดหาเช้ากินค่ำข้างถนน ส่วนพ่อไม่ปรากฏนาม ถามแม่จิ๊กกี๋ว่าใครเป็นพ่อของเด็ก เธอเอาแต่ร้องไห้ ดูท่าว่าถ้าปล่อยจิ๊กกี๋ไว้กับแม่ อนาคตคงไม่สดใสนัก นกจึงรับมาอุปการะไว้ และนับตั้งแต่นั้นจิ๊กกี๋ก็มีปลอกคอ มีชาติตระกูล มีบ้านให้หวง และมีเจ้าของให้รัก เมื่อครั้งที่นกต้องย้ายจากบ้านเดิม คือประชาชื่น 44 จิ๊กกี๋ไร้คนดูแลถูกปล่อยอย่างอดๆยากๆ ครั้งหนึ่งมันเคยหลงทางออกจากบ้าน 3 วัน ทุกคนนึกว่ามันคงถูกรถชนหรือไม่ก็อดอาหารตายไปแล้ว แต่แล้วเช้าวันหนึ่งขณะที่รถติดเป็นแถวยาวตรงสี่แยกงามวงศ์วาน จิ๊กกี๋วิ่งตุปัดตุเป๋ข้างถนน นกเห็นดังนั้น จึงรีบเปิดประตูรถวิ่งไล่จับจิ๊กกี๋ท่ามกลางความแปลกใจของคนในสี่แยก วันนี้จิ๊กกี๋ได้ย้ายมาอยู่บ้านใหม่กับเรา ณ พฤกษาทาวน์ ราชพฤกษ์ มันใช้เวลาเกือบเดือนเพื่อสร้างความคุ้นเคยกับบ้านหลังใหม่ สภาพแวดล้อมใหม่ และเพื่อนใหม่ๆ บ้านใหม่แห่งนี้ดีกว่าบ้านเดิมเพราะมีสนามหญ้าให้วิ่งเล่น แม้จะวิ่งเล่นได้เพียงวันละ 2 ครั้งก็ตาม จิ๊กกี๋ไม่อึ ไม่ฉี่ในบ้าน ครั้งหนึ่งที่เราไปต่างจังหวัด 3 วันและผูกจิ๊กกี๋ไว้ในบ้าน จิ๊กกี๋ไม่ยอมอึหรือฉี่เลย ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของเธอ คือ กลัวฟ้าร้อง ฟ้าแล่บและฝนตกมาก ถ้าแม้มีฟ้าแล่บหรือฝนตกแต่เพียงนิดเดียวมันก็จะทุบประตูเพื่อขอเข้ามาหลบฝนในบ้าน ทั้งๆที่ในโรงรถก็หลบฝนได้ จะทุบจะตียังไงจิ๊กกี๋ก็ยอม เพื่อแลกกับการได้เข้าในบ้าน จิ๊กกี๋ผ่าใบหูสองครั้ง และนี่เป็นครั้งที่สองที่หูอักเสบเกิดจากการสะบัดหูจนเส้นเลือดฝอยแตก ทำให้เลือดคั่ง ครั้งนี้จิ๊กกี๋มีอาการผิดปกติ ซึมจนเราตกใจ ได้แต่หวังว่าสักวันจิ๊กกี๋จะกลับมาร่าเริงเหมือนเดิม.. เราไม่สามารถตัดสินใจคนจากภายนอกได้ แต่สามารถตัดสินจิ๊กกี๋จากแววตามันได้ เมื่อคืนเห็นแววตาใสซื่อและน่าสงสารของมัน แสดงว่ามันรักคุณเข้าแล้ว  

จิ๊กกี๋

ตัวต่อตัว..ไม่กลัวอยู่แล้ว

ไดอารี่ 28 January 2011

ช่วงนี้แฮงก์บ่อย ไม่ได้กินเหล้า ไม่ได้เมา แต่คิดมาก ..คิด คิด มาก มาก ตอนเด็กๆ ได้ยินผู้ใหญ่ชอบพูดว่า เป็นเด็กสบายไม่ต้องคิดมาก ก็ไม่เข้าใจว่า ผู้ใหญ่เขาคิดมากเรื่องอะไร? วันนี้เป็นผู้ใหญ่กะเขาบ้างแล้ว ก็เลยเข้าใจว่า ผู้ใหญ่เขาคิดมากเรื่องอะไร? มันบอกเป็นชื่อเรื่องไม่ได้ เพราะไม่รู้จะตั้งชื่อเรื่องอะไร แต่มันสุมๆ กองๆ เยอะๆ วุ่นๆ วายๆ อยู่ในหัว จะจัดการอย่า่งไร? ให้หมดไปคงยาก คงมีวิธีเดียว คือตามรอยพุทธองค์ หยุดใจให้นิ่ง..แยกแยะปัญหาแต่ละเรื่องออกมา เมื่อเรียงปัญหาตามลำดับความสำคัญ 1 2 3 แล้ว ก็กระโจนใส่ทีละปัญหาอย่างบ้าคลัง ดูสิว่า ใครจะแน่กว่ากัน ถ้าตัวต่อตัวรับรองมันสู้เราไม่ได้อยู่แล้ว ที่เราแพ้ เพราะเราเอาตัวคนเดียวสู้กับปัญหาทั้งหมด แต่ถ้าลองแยกปัญหาแต่ละตัวออกจากกัน แล้วลุยตัวต่อตัวทีละปัญหา.. รับรอง ..ชนะชัวร์ ปล. คิดเป็นนี่ ..แต่ทำให้ได้นะโคตรยาก!!

เมื่อเสือสิ้นลาย

เรื่องทั่วไป 8 December 2009

หลังจากข่าวไทเกอร์วูดเตียงหัก ตามมาด้วยประดาหญิงทั้งหลายกว่า 10 คนออกมาแฉว่าเคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับไทเกอร์ กาละแมร์หญิงตัวดำปากกล้าด่าผู้ชายจนได้ดีรีบทวีตบอกประดา followers ของตนว่า “ผู้ชายไม่ว่าใครมีเรื่องที่ทำให้ตกม้าตายอยู่แค่ 3 เรื่อง : เงิน อำนาจ และผู้หญิง !!!” ผมรีบตอบกลับในทันที “แต่ผู้หญิงมักตกม้าตายด้วย 2 เรื่อง”  ผมไม่ได้ระบุไปว่า  2 เรื่องคืออะไรบ้าง แต่ก็คงพอเดาๆกันได้ เรื่องผัวๆเมียๆ รักๆเลิกๆนี่ เป็นที่ชอบอกชอบใจกันนัก ไม่ว่าจะชาติไทยหรือชาติไหน จะเห็นว่าข่าวดาราได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งในเมืองไทย จากการจัดอันดับ(ของสถาบันใดไม่ได้เปิดเผย)  การที่คนชอบข่าวดารา เพราะติต่างว่าตัวเองรู้จักดาราคนโน้นคนนี้ดี ถามว่ารู้จักจากไหน รู้จักจากทีวี !!! รู้จักแค่นั้น ไปสรุปเขาได้เหรอ ว่าเขาดีหรือไม่ดี? ไทเกอร์วู้ด นักกอล์ฟมือหนึ่งของโลกมาเป็นข่าวเพราะประสบอุบัติเหตุขับรถคาดิแล็ค SUVชนหัวท่อดับเพลิง หลังจากทะเลาะกับภรรยาเรื่องที่เขาแอบไปนอกใจ และหลังจากเป็นข่าวก็มีประดาหญิงสาวกว่า 10 นางออกมาแฉกันอย่างออกรสว่ามีความสัมพันธ์กับวู้ดส์อย่างลึกซึ้งทั้งนั้น (อยากรู้ว่า ทั้ง 10นางนั้น มีหน้าตาอย่างไรบ้าง คลิกที่นี่จ๊ะ) รวมรายชื่อกิ๊ก 10 คนของไทเกอร์  วูดส์ 1. ราเชลล์  อูชิเทลล์ คลับโปรโมเตอร์สาวจากลาสเวกัสและนิวยอร์ค 2. จาไมอี  กรับบ์ สาวเสริฟจาก VH1 academy 3. คาลิคา  โมควิน สาวเสริฟจากลาสเวกัส ไนท์คลับเอ็กคลูซีฟ 4. แจมมี  จังเกอร์ สาวเสริฟจากลาสเวกัส 5. มินดี  ลอว์ตัน สาวเสริฟจากออร์ลันโด 6. โคลี่  ลิสต์ นางแบบจากNYC 7. ฮอลลี่  แซมสัน เอมมานูเอล ดาราภาพยนตร์วาบหวิว 8.-10. ไม่เปิดเผยชื่อ ท่าทางเจ้าสือดำวู้ด ชื่นชอบหญิงสาวที่มีอาชีพเป็นพนักงานเสริฟเป็นพิเศษ เพราะ 4 ใน 10 คนของวู้ดนั้น มีอาชีพเป็นสาวเสริฟ นี่ถ้าวู้ดมาตีกอล์ฟที่เมืองไทยสัก 1-2 เดือน ผมว่าคงมีรายชื่อพนักงานเสริฟจากร้านลาบยโสพ่วงท้ายไปด้วยแน่ๆ ข่าวว่าตอนนี้ภรรยาสุดเลิฟของวู้ดได้ขนของออกจากคฤหาสน์วินเดอร์แมร์ ที่มีมูลค่า 91 ล้านบาทแล้ว…

ไทเกอร์วูด

ด.ช.จุ๊บ

เรื่องทั่วไป, ไดอารี่ 18 June 2008

ครบ 5 เดือนของเจ้าจุ๊บ จุ๊บ มาดูพัฒนาการของมันหน่อยยยยย… แรกเริ่มเดิมที ผมเข้าใจมาตั้งนานว่าเป็นเพศเมีย ตั้งชื่อให้ซะน่ารักว่า “จุ๊บ จุ๊บ” คือกระต่ายนี่ ไม่สามารถมองอวัยวะเพศแล้วรู้ว่าเป็นเพศอะไร เหมือนแมว หรือสุนัข ลูกอัณฑะก็ไม่มี มีอวัยวะเหมือนอวัยะเพศเมีย ก็เลยเข้าใจมาตลอดว่า มันเป็นเพศเมีย..อีกอย่างหนึ่ง กิริยามารยาทของมันก็เป็นเพศเมียแท้ๆ ทั้งขี้อ้อน ขี้เล่น กริยามารยาท ทำให้ผมเชื่ออย่างนั้นว่ามันคือ เพศเมีย.. แต่แล้ววันหนึ่ง ได้พาเจ้าจุ๊บไปเที่ยวบ้านเพื่อนบ้านที่เขามีกระต่ายที่มีอายุเท่าๆกัน พอไปเห็นเท่านั้นแหละ ไอ้จุ๊บสำแดงธาตุหื่นขึ้นมาทันที มันขึ้นคร่อมกระต่ายเพื่อนบ้าน ตอนนั้นเองที่ผมมองเห็นอวัยวะเพศของมันโผล่ออกมา..ความจริงก็ปรากฏ ! มันเป็นผู้ชายยย    ลองดูภาพเจ้าจุ๊บครับ ซนมั่กๆ น้ำ อาหารก็มีให้พร้อม แต่มันไม่ค่อยสนใจในสิ่งที่มีหรอกครับ ปีนป่ายไปดูดน้ำก็อกบ้าง ปีนไปกินต้นไม้ในกระถางบ้าง กินอิ่มแล้วก็นอน นอน และนอน พอกลางคืนตอนนั่งดูทีวี หายง่วง มาเล่น มาอ้อน มากวน .. แต่มีนิสัยที่น่ารักอย่างหนึ่งคือ เขาจะอึ ฉี่เป็นที่เป็นทางครับ ที่ๆของเขาคือกระถางต้นไม้ที่ผมประยุกต์ให้เป็นห้องน้ำ (ดั่งภาพบนขวาสุด)   เจ้าจุ๊บมัน นอนได้ทุกท่า หลับได้ทุกที่จริงๆ

แบ่งตามหมวด

  • say (8)
  • กลอน (1)
  • คุยกับคอม (9)
  • ช่วยชิม (11)
  • ท่องเที่ยว (61)
  • บ่น (35)
  • บ้านบ้าน (16)
  • พูดจาภาษาฝรั่ง (9)
  • วิ่ง (26)
  • สุขกะภาพ (74)
  • เพลงสั้น (11)
  • เรื่องทั่วไป (88)
  • เรื่องยาว (9)
  • เรื่องสั้นสั้น (52)
  • แมคบุค (4)
  • ไดอารี่ (63)

Copyright © 2020. All rights reserved.

Contact me : nevikup@gmail.com
Facebook.com/aroundmeTH