Skip to content

N E V I K U P

Find your Heart, Find the Happiness.

☰
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ

hackaton

อ่านต่อ

กินเหล้าคนเดียว

บ่น, เรื่องทั่วไป 12 September 201721 December 2017

รสชาติแห่งเหล้า ถึงจะเป็นที่ลุ่มหลงหรือถึงขั้นคลั่งไคล้ของใครหลายๆคน แต่รสชาติแห่งบรรยากาศในวงเหล้ากลับน่ารื่นรมย์กว่ามาก

hackaton MRT รถไฟฟ้าสายสีม่วง
อ่านต่อ

ละคร “สี”

บ่น, สุขกะภาพ 2 December 201328 October 2015

ภาพทั้งหมดจากสำนักข่าวต่างประเทศ BBC เคยนึกสงสัยเหมือนกันว่า ทำไมภาพข่าวจากต่างประเทศมันถึงดูดี มีศิลปะ ถ่ายทอดภาพออกมาเป็นอารมณ์มากขนาดนั้น ราวกับไม่ใช่เหตุการณ์จริง ราวกับเป็นการจำลองสถานการณ์โดยนายแบบนางแบบมืออาชีพ .. แต่ไม่ใช่ ภาพนี่ถ่ายจาก เหตุการณ์จริง เจ็บจริง ร้อนจริง ลำบากจริง และน่ากลัวจริงๆ  ..ภาพที่ถ่ายทอดออกสู่สายตาชาวโลกก็เลยสมจริง จริงๆ  ________ จนชาวโลกกลัว “บ้านเรามันบ้านป่าเมืองเถื่อน” ตามที่เขาให้คำนิยาม แต่ช่างแม่งเหอะ ___ ชาวโลกจะมองยังไงก็ช่างแม่ง! มัวแต่ไปแคร์สายตาชาวโลกมากจนไม่กล้วทำอะไร  ไม่ได้ว่าสนับสนุนให้มีความรุนแรงนะครับ แต่เชื่อเถอะแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันแน่นอน จะให้ประเทศเราไปทำตามประเทศนั้น ประเทศนี้ มันไม่ได้หรอก เอามาได้ แต่ก็ต้องมาพิจารณาเป็นอย่างๆ และปรับใช้ให้เหมาะสม ___ ถ้าจะเอามาทั้งดุ้น รับรองเละ ต่อภาพจากสำนักข่าว BBC คือเหตุการณ์เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2556 นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้แบ่งมวลมหาชนออกเป็นกลุ่มๆ เพื่อไปยึดสถานที่ต่างๆในกรุงเทพมหานคร รายละเอียดนอกจากนี้จะไม่ขอนำมาเล่าไว้  เพราะเรื่องยังไม่จบ เพียงแต่นำภาพจาก bbc มาแล้วก็เลยอยากอธิบายไว้คร่าวๆ เรื่องราวการประท้วงประจำปี จะจบอย่างไร? จบสวยไหม? ก็ต้องติดตามกันต่อ ___ ในฐานะคนนอกที่ไม่ฝักฝ่ายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นพิเศษ ก็ได้แต่นั่งดูสถานการณ์ห่างๆ อันใดดีเราตบมือให้ อันไหนไม่ถูกต้องเราก็จ้องประณาม … ใช่แล้ว เราอยู่ข้างความถูกต้อง ____ เราไม่สามารถตัดสินได้ว่า ฝ่ายไหนถูก ฝ่ายไหนผิด เราไม่เก่งขนาดนั้น  นั่นจึงต้องนั่งดูไปเรื่อยๆ จนกว่า่ละครเรื่องนี้จะอวสาน ไม่ว่าจะกี่ปีก็ตาม  

อ่านต่อ

“โพสต์”

say, เรื่องทั่วไป 12 May 201811 June 2019

-1- หลังจากกลับจากโรงเรียนเย็นวันนั้น เด็กชายตื่นเต้นมากกับสิ่งที่เขาได้มาจากโรงเรียน เขาหลงใหลกับสิ่งนี้มาก ในสายตาเขามันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ สามารถวาดการ์ตูน เขียนตัวหนังสือสวยๆงามๆ บนกระดานได้ เขาตื่นเต้นทุกครั้งที่ครูใช้มันสร้างสิ่งยิ่งใหญ่บนกระดาน และสำคัญว่ามันจะสามารถวาดหรือเขียนอะไรก็ได้ตามที่ใจต้องการ มันคือสิ่งที่เรียกว่า “ชอล์ก” -2- ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือส่งตัวเองเข้าสู่โลกโซเชียล รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากเมื่อเห็นคลิปน่ารักๆ ที่เพื่อนเขาโพสต์ แต่พอนิ้วสไลด์ขึ้นขยับสายตาเลื่อนลงมาในโพสต์ถัดไป กลับเปลี่ยนจากรอยยิ้มเป็นนิ่งเฉย แววตาแฝงความอิจฉา เมื่อเห็นภาพเพื่อนๆที่ถ่ายตามที่ท่องเที่ยวต่างๆในท่าทีที่มีความสุข นึกถึงตัวเองที่ตอนนี้ยังคงทำงานหนัก แต่ยังไม่สามารถมีเงินไปเที่ยวที่ไหนเหมือนคนอื่นๆ เขาไม่แม้แต่จะกดไลท์ และรีบเลื่อนมันพ้นๆไป สายตายิ่งแฝงความเคียดแค้นชิงชังหนักขึ้น เมื่อเลื่อนลงมาพบข่าวดาราที่เขาชื่นชอบถูกแฟนบอกเลิกทั้งๆที่มีลูกด้วยกันแล้ว -3- เด็กชายเสียใจนิดหน่อยที่พบว่า “ชอล์ก” ที่เขาได้มาจากโรงเรียนไม่สามารถเนรมิตตัวการ์ตูนหรือสิ่งสวยๆงามๆอย่างที่ครูทำได้ อีกทั้งพบว่า “ชอล์ก” ไม่ใช่ผู้สร้าง เป็นแต่เพียงเครื่องมือช่วยในการสร้างเท่านั้นหลังจากที่พยายามเที่ยววาดทั่วกำแพงบ้านและกำแพงวัดในหมู่บ้าน นอกจากภาพที่วาดจะไม่สวยงามแล้ว บางข้อความที่เด็กชายเขียนเป็นคำด่าหยาบคายระบายอารมณ์ส่วนตัว -4- ชายหนุ่มโพสต์ข้อความหยาบคายแสดงความคิดเห็นต่อข่าวดาราที่เขาชื่นชอบถูกแฟนบอกเลิกทั้งๆที่มีลูกด้วยกันแล้ว ทุกตัวอักษรที่เขาบรรจงพิมพ์แต่ละตัวเต็มไปด้วยความโกรธแค้นชิงชังด้วยอารมณ์ส่วนตัว แต่ใช้พื้นที่ข่าวในการแสดงออก ดังนั้น ข้อความที่เขาโพสต์ลงไปจึงเต็มไปด้วยอคติและบิดเบือนความเป็นจริงแทบทั้งสิ้น และเมื่อกดเผยแพร่ ข้อความของเขาก็เข้าสู่โลกโซเชียลอันไม่มีที่สิ้นสุดเสียแล้ว เจ้าของบ้านทั้งก่นด่า สาปช่างเมื่อเห็นว่ากำแพงเลอะไปด้วยข้อขีดเขียนเต็มไปหมด พระเณรเองก็ต้องทำความสะอาดกำแพงวัดยกใหญ่ ด้วยฝีมือของเด็กชายผู้ไร้เดียงสา หลังจากกดเผยแพร่ไปไม่ถึง 1 ชั่วโมง ชายหนุ่มเริ่มมีสติและคิดได้ว่าข้อความเหล่านั้นไม่ถูกต้อง รีบกลับไปลบ..แต่สายไปเสียแล้ว ข้อความของเขาถูกแค้ปเจอร์ไว้หมดแล้ว หลังจากนี้อาจถูกดำเนินคดีในข้อหาเผยแพร่ข้อมูลที่สร้างความเสียหายแก่ผู้อื่น การกระทำของทั้ง 2 คน ไม่แตกต่างกัน เป็นการกระทำแบบเด็กที่ไม่มีสติ แต่ความเสียหายเหมือนกัน เด็กทำยังเข้าใจว่าไร้เดียงสา แต่ถ้าผู้ใหญ่ทำเรียกว่าไร้ปัญญา!

เมื่อผมอยากมีสี

ไดอารี่ 12 February 2010

ช่วงนี้เหนื่อยหน่อย ต้องตื่นเช้าหลายวันแหละ..เรื่องของเรื่องคือ ผมไปสอบบรรจุเป็นข้าราชการทหาร !! หลังจากปีที่แล้วพลาดท่า ปีนี้เลยขอโอกาสอีกครั้ง การสอบมีเรื่องให้ยากลำบากทั้งกายและใจอยู่หลายอย่าง  1. ลำบากใจ เพราะการสอบมีตั้ง 5 วัน โชคดีที่ไม่ติดกันทั้ง 5 วัน การจะลาหลายๆวันในเดือนเดียวเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบากใจ ผู้จัดการไม่ว่ากระไร แต่เราก็เกรงใจเหลือแสน  2. ลำบากกาย การสอบทหารนอกจากจะต้องทำข้อสอบได้แล้ว ร่างกายต้องแข็งแรง มีการทดสอบดันพื้น ลุกนั่ง และวิ่งรอบสนามฟุตบอล 2 รอบ ประมาณ 800 เมตรในเวลาไม่เกิน 4 นาที !! ด่านอื่นๆไม่ว่าจะดันพื้น หรือลุกนั่ง เราต้องแข่งกับตัวเอง และไม่ใช่เรื่องยากเท่าไรนัก แต่ตอนวิ่งนี่สิ ต้องวิ่งพร้อมกับคนอื่นและทุกคนก็อยู่ภายใต้เงื่อนไขคือต้องวิ่งไม่เกิน 4 นาที ดังนั้น สิ้นเสียงนกหวีด ทุกคนก็ต่างตั้งหน้าตั้งตาวิ่ง ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุในเวลา 11.00 น. นาทีนั้น ผมคิดถึงครั้งแรกในชีวิตของทุกคนที่ต้องแข่ง คือ การแข่งกันของสเปิร์มที่ว่ายเพื่อไปถึงไข่ในมดลูก สเปิร์มตัวที่แข็งแรงที่สุดจะเป็นผู้กำชัยชนะ ทุกคนเป็นสเปิร์ม ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งโดยไม่หันมอง ทักทาย หรือสนใจคนข้างๆที่วิ่งไม่ไหวแล้ว สนใจแต่เป้าหมายของตน มันต่างจากวิ่งจ๊อกกิ้งในเวลาเช้าที่สวนสาธารณะ ไม่มีการทักทาย ยิ้มแย้ม ทุกคนเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด มุ่งมั่นเพื่อชัยชนะ ผมวิ่งตามจังหวะและระดับความเร็วของตัวเองที่เคยทำตลอด 3 อาทิตย์ที่ผ่านมา เหนื่อยเหมือนกัน แต่ไม่มากเท่าครั้งแรกที่มาซ้อมวิ่งที่สวนสาธารณะ ผมได้ความเร็วที่ 3.39 นาที ถือว่าผ่าน วันพฤหัส ไปสอบข้อเขียน บ่ายวันนั้นฤกษ์ไม่ดีเอาซะเลย ใกล้จะถึงกรมยุทธฯอยู่แล้วแท้ๆ เจอด่านตำรวจ ผมนั่งมอเตอร์ไซต์วินจาก รถไฟใต้ดินบางซื่อ ไม่ใส่หมวกกันน็อค คนขับเป็นผุ้หญิง แกตกใจมาก ตำรวจถามว่า ทำไมไม่หาหมวกกันน็อคให้ผุ้โดยสาร ..แกเงอะงะพูดไม่ออก ตำรวจเลยหันมาทางผม ..”ผมจะรีบไปสอบนายร้อยครับ” พูดพร้อมยื่นบัตรให้ดู ..ตำรวจกล่าวตักเตือนคนขับมอไซต์นิดหน่อย แล้วก็ปล่อยไป  ดวงไม่ดีจริงๆ เพราะผมทำข้อสอบข้อเขียนไม่ได้เลย !!! วันนี้(วันศุกร์) พึ่งไปสอบสัมภาษณ์มา..เฮ้อ ต้องถอนหายใจแรงๆอีกสักที รู้สึกว่าตัวเองตอบคำถามได้ไม่น่าประทับใจสักเท่าไร .. แต่ช่างเถอะ หมดหน้าที่ของเราแล้ว ..เราทำดีที่สุดที่สามารถทำได้แล้ว…

ผีอำ

เรื่องทั่วไป 26 June 2008

ในโลกนี้มีหลายอย่าง ที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถหาคำตอบได้ และหนึ่งในหลายอย่างนั้น คือ เรื่อง ผี เมื่อตอนเด็กๆ เคยกลัว และเคยคิดว่าตัวเองเจอ ไม่สิ ไม่ได้เจอ เพียงแต่รู้สึกเหมือนว่า สิ่งๆนั้นเป็นผี! แต่พอโตขึ้น มานั่งพิจารณาดีๆ สิ่งๆนั้นๆ ที่เคยคิดว่าเป็นผีเมื่อตอนเด็กนั้น อาจไม่ใช่ผีก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นเสียงฝีเท้าในตอนดึกข้างหน้าบ้าน ที่ผมเข้าใจว่าเป็นวิญญาณของยาย, เสียงคนเดินบนหลังคาบ้านตอนดึก รุ่งเช้าผมเป็นไข้, เท้าของทหารที่ยืนหน้าห้องที่โรงเรียน เมื่อครั้งที่ผมไปนอนค้าง และเมื่อฝนตกพร่ำๆ ฟ้าครึ้ม กลางบ่าย 3 โมง มีลุงแก่ๆยืนข้างทาง พอเดินเลยไปหน่อยหนึ่ง แล้วหันมาดูอีกครั้ง ปรากฏว่าไม่มีแล้ว.. เหตุการณ์ที่กล่าวมานั้น คือ เหตุการณ์เมื่อตอนเด็ก ซึ่งในสมัยเด็กเราเข้าใจเหตุการณ์นั้นว่า ผีหลอก แต่เมื่อโตขึ้นมานั่งพิจารณา ก็ให้เกิดความสงสัยว่า นั่นเป็นผีจริงหรือเปล่า เสียงฝีเท้าข้างหน้าบ้านตอนดึกสงัด .. อาจจะเป็นใครก็ได้มาเดิน, เสียงคนเดินบนหลังคา อาจจะเป็นแมว, เท้าของทหารที่มายืนหน้าประตู (อันนี้คงนึกภาพไม่ออกกัน ลองคิดถึงประตูห้องเรียนที่ปิดสนิท แต่บานประตูมีขนาดสั้นกว่าขอบประตู เมื่อปิดจึงไม่มิด จะเห็นเฉพาะขา ถ้ามีคนมายืนหน้าห้อง) อาจจะเป็นใครก็ได้ บังเอิญผ่านมา และผมก็บังเอิญเห็น! และลุงแก่ๆที่มายืนข้างทางนั้น น่าจะเป็นลางอะไรสักอย่างที่มาช่วยผม เพราะวันนั้น ผมหนีฝน กำลังจะขึ้นกระท่อมร้าง แต่เมื่อเจอเหตุการณ์นี้เข้า จึงไม่กล้าขึ้นกระท่อมดังกล่าว แต่วันต่อมา เมื่อขึ้นไปบนกระท่อมนั้น ปรากฏว่ามีตะขาบตัวใหญ่มาก ซึ่งวันฝนตกนั้น ถ้าผมขึ้นไป อาจถูกมันต่อยเอาก็ได้.. นั่นคือเหตุการณ์ในวัยเด็ก จากวันนั้นมาถึงวันนี้ ผมยังไม่เคยมีประสบการณ์แนวๆนี้อีก ซึ่งผมเองก็ไม่ได้ปรารถนาจะมีหรอกน่ะ มาวันนี้ผมได้มาเจออีกเหตุการณ์หนึ่ง  ที่ใครต่อใครเรียกมันว่า ผีอำ ผีอำ สำหรับคนอื่นเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่สำหรับผม มันก็คือฝันร้ายเท่านั้นเอง เพียงแต่เป็นฝันที่คล้ายจะเป็นจริง คืนวันนั้น ผมฟังรายการ เดอะ ช็อก ซึ่งเป็นรายการผีๆ หลายคนรู้จักดี ในจินตนาการผมจึงมีเรื่องเหล่านี้อยู่ไม่น้อย พอหลับได้พักเดียวเท่านั้น ในตอนนั้นผมรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ได้หลับ ยังนอนอยู่ และนอนตะแคงไปทางขวา ผมรู้สึกร้อน อยากจะลุกมากินน้ำ แต่พอจะขยับตัว มันขยับตัวไม่ได้  แต่ลืมตาได้ พอลืมตาเท่านั้นแหละ …ในห้องผมกลายเป็นห้องเก่าๆ หยากไย้เต็มไปหมด…

อ่านต่อ

หมากับงูเห่า

say, ไดอารี่ 9 April 20209 April 2020

เมื่อวานขณะกำลัง Standup Meeting อยู่นั้น พลันได้ยินเสียงเจ้าม่อนเห่าแปลกๆ แบบที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนทั้งเห่าทั้งขู่ พอเบือนหน้าจากหน้าจอมีตติ้งหันไปดูเท่านั้นแหละ !!งูเห่ากำลังแผ่หัวชูคอฟ่อๆ หมาก็เห่างูก็เห่า ดูสถานการณ์แล้ว ไม่น่าจะอาจสามารถจัดการเองได้ จึงรีบไปตามยาม พอยามมาถึงก็ใช้วิธีวิสามัญฆาตกรรมแบบไม่ต้องมีหมายเรียก ปิดคดีภายในไม่ถึง 10 นาที งานนี้ต้องยกความดีความชอบให้ไอ้ม่อน หมาหน้ามึนตัวนี้ นี่ถ้าเราไม่มีหมาไว้สังเกตสังกาหน้าบ้าน สถานการณ์อาจเลวร้ายกว่านี้ ฝั่งที่โชคร้ายอาจไม่ใช่งูเห่า แต่อาจเป็นใครสักคนภายในบ้าน

แซลม่อน
อ่านต่อ

น้ำท่วมบ้านนะเออ

บ้านบ้าน, สุขกะภาพ, ไดอารี่ 7 November 201128 June 2013

ขอคั่นทริปเที่ยวเมืองจีนด้วยสถานการณ์น้ำท่วมที่บ้าน

น้ำท่วม บ้าน

เบื่อม่ะ?

เรื่องทั่วไป 11 June 2008

เกิดความรู้สึกเบื่อขึ้นมาเฉยๆ..(ซะอย่างนั้น) พยายามสร้างความรู้สึกอื่นมาต่อต้านอย่างหนัก เพราะความรู้สึกเบื่อ เป็นความรู้สึกฝ่ายลบ ต้องสร้างความรู้สึกฝ่ายบวกมาต่อต้าน กำราบให้ได้ เมื่อถูกความรู้สึกเบื่อครอบงำ ความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงความสุขก็ไม่มี การงานหน้าที่ก็ไม่คืบหน้า.. กำจัด ต้องรีบกำจัดเสีย คิดถึงงาน..เราจะทำงานในวันนี้ให้ดี ดีกว่าเดิม ดีที่สุด..คิดไป คิดมา ง่วง คิดถึงวันหยุดอันแสนสบาย เมฆสีฟ้า ทะเลสีคราม ..น้ำทะเลใส เสื้อลายดอก และกล้องถ่ายรูป…คิดไป คิดมา  พาลขี้เกียจทำงาน คิดถึงเรื่องดีๆที่ผ่านมา..คิดหนัก! คิดถึงเรื่องการเมือง ปัญหาบ้านเมือง น้ำมันแพง ค่ารถขึ้น ข้าวสารราคาขึ้น มาม่าห่อละ 8 บาท คนประท้วง ขโจรขโมยเต็มบ้านเต็มเมือง คนมีปัญหา..ฯลฯ คิดถึงเรื่องสุดท้ายนี่..หายง่วง แต่เริ่มจะเครียดแทนละ บ้านเมืองเข้าสู่ยุคอะไรฟ่ะเนี่ยะ..ทำไมมันมีอะไรวุ่นวายเยอะแยะไปหมด แต่อ่ะ จะรอดูๆๆๆ ..ว่าจะลงเอยอย่างไร  ทุกปัญหามีทางแก้ .. ก็หวังว่าจะแก้กันเร็วๆ ชาวบ้านจะแย่แล้วววคร้าบ  

ธรรมะคือคุณากร

เรื่องทั่วไป 15 January 2010

ว่ากันว่าถ้าหมกมุ่นในเรื่องอะไรมากๆ เวลาพูด แสดงออก หรือคิดก็จะอยู่แต่ในเรื่องนั้นๆ ส่วนตัว นอกจากเรื่องงานแล้ว ก็ไม่ค่อยคิดเรื่องอื่นเท่าไรนัก(ยกเว้นเรื่องเที่ยวที่นานๆคิดที) ดังนั้น จึงพยายามอยากจะหมกมุ่นในเรื่องอะไรดี ในที่สุดจึงคิดได้ว่า ควรหมกมุ่นในเรื่องของธรรมะ เพราะธรรมะคือคุณากร บ่อเกิดแห่งความดี วันนี้ขอนำเสนอธรรมขั้นพื้นฐานปุถุชนเช่นพวกเราๆ ก่อน ถ้าได้เรียนในระดับศึกษาธรรมชั้นตรี ธรรมะข้อนี้ก็จะอยู่ในหมวดต้นๆเลย นั่นคือ “ธรรมอันทำให้งาม ๒ อย่าง อันได้แก่ ขันติ ๑ โสรัจจะ ๑ ขันติ แปลว่า     ความอดทน เป็นลักษณะของผู้มีน้ำใจเข้มแข็ง หนักแน่น เป็นคุณสมบัติของผู้ปกครอง และเป็นมงคลเหตุแห่งความเจริญ ความอดทนยังแบ่งย่อยไปอีก  ๓ ประเภท คือ ๑. อดทนต่อความลำบากตรากตรำ เช่น ทนหนาว ร้อน เป็นต้น ๒. อดทนต่อทุกขเวทนา เช่น เวลาเจ็บไข้ ป่วย เป็นต้น ๓. อดทนต่อความเจ็บใจ มี ๓ ประเภท (๑) ตีติกขาขันติ    อดทนด้วยการกลั้นไว้ได้ (๒) ตปขันติ    อดทนจนเป็นตบะเดชะ (๓) อธิวาสนขันติ อดทนจนยังคำพูดหยาบคาย ของผู้อื่นให้กลับอยู่เป็นเพื่อน เป็นมิตรกันได้ โสรัจจะ แปลว่า ความเสงี่ยม ได้แก่การรู้จักทำจิตใจให้แช่มชื่นเบิกบาน มีกายวาจา  สงบเสงี่ยมเรียบร้อย คือมีอาการปกติเยือกเย็น ภายใน ไม่แสดงอาการขึ้นลง เป็นต้น จากธรรมะสองข้อนี้ ก็พอจะเห็นแล้วว่า ทำไมถึงได้ชื่อว่า เป็นธรรมะอันทำให้งาม ความงามในที่นี้มิได้หมายว่างามด้วยทรวดทรงองค์เอว ผิวพรรณผุดผุ่ง หรือหน้าตาสวยใส หากแต่หมายถึงความงามแห่งกิริยาท่าทางการแสดงออกในสังคมอย่างเหมาะสมตามกาละเทศะ ผู้ที่มีหน้าตาสวยใส หากแสดงกิริยากราดเกรี้ยวโมโหร้าย เพราะไม่อดทนต่อความพูดไม่ถูกหู ก็กลายเป็นคนขี้เหร่ขึ้นมาได้เช่นกัน อดทนเพียงอย่างเดียวยังไม่พอ ต้องมีความสงบเสงี่ยม ทำจิตใจให้แช่มชื่นเบิกบาน มิเพียงแต่แสดงออกภายนอกเท่านั้น แต่ต้องมีความแช่มชื่นที่ออกมาจากข้างใน สกัดกั้นอารมณ์ไม่พอใจเสียได้ แล้วดำรงสภาวะด้วยอาการอันปกติ นโปเลียนนักรบผู้ยิ่งใหญ่ ข้าศึกขนาบเมืองทั้งหน้าหลัง ทหารรีบเข้าไปแจ้งข่าวด้วยความตื่นตะหนกตกใจสุดขีด จนแทบจะพูดออกมาไม่ถูก แต่พอนโปเลียนรับทราบว่า กลับกล่าวด้วยอาการปกติและบอกแก่นายทหารคนนั้นว่า…

ธรรม

New Divide

พูดจาภาษาฝรั่ง, เรื่องทั่วไป 9 November 2009

อังกฤษวันละคำ วันนี้ขอเสนอคำว่า ‘divide’ divide   [də’vaɪd]  เป็น ได้ทั้ง verb และื noun แปลว่า แบ่ง, หาร, ปัน, แยก, จัดสรร, จัดกลุ่ม, แยกกลุ่ม ถ้าเป็นนามก็ใส่คำว่า “การ” ด้านหน้า เช่น การแบ่งแยก divide into groups  แบ่งกลุ่ม divide into  แยกส่วน divide up the work  แบ่งงาน divide among  กั้นแบ่ง พูดถึง divide การแบ่งแยก ปัจจุบันนี้บ้านเมืองเราก็แบ่งแยกกันอย่างชัดเจน 2 กลุ่ม ซึ่งในความจริงอาจมีมากกว่า 2 กลุ่ม แต่ ณ ตอนนี้ที่เห็นชัดสุดก็คงไม่พ้น 2 กลุ่มนี้ เพราะเขาแสดงตัวชัดเจน เราจะไม่วกเข้าสู่เรื่องนั้น เราจะยังอยู่ในเรื่องของ divide  มาดูตัวอย่างประโยค divide กันสักเล็กน้อย When people or things are divided or divide into smaller groups or parts, they become separated into smaller parts. ทีนี้มาดูตัวอย่างกันแบบเป็นเรื่องเป็นราว มีเพลงของ Linkin Park ที่ใช้ประกอบภาพยนตร์เรื่อง Transformers 2 ชื่อเพลงว่า New Divide I remember black skies, the lightning all around me I remembered each…

ผู้ชนะสิบทิศ

เรื่องทั่วไป 26 May 2009

ช่วงนี้ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย จริงๆมีแผนจะไปเที่ยวสัตหีบกับเพื่อนๆที่ทำงานในวันเสาร์ที่ 23 พ.ค. ที่ผ่านมา แต่มีเหตุจำเป็นทำให้ไม่สามารถเดินทางไปกับเพื่อนๆได้ ฝนตกเกือบทุกวัน ทำให้ไม่อยากคิดถึงการเดินทาง การเที่ยว คิดถึงสภาพท้องถนนที่คลาคลำด้วยรถ ถนนลื่น อุบัติก็เกิดขึ้นง่าย ทะเลคงไม่สวยนัก หากท้องฟ้าไม่สดใส น้ำตกเองคงขุ่นคลั่กหากมีฝน ภูเขาหินผาก็ลื่นเกิดอุบัติเหตุได้ในหน้าฝน หน้าฝนจึงเป็นฤดูที่ไม่เหมาะแก่การเที่ยวเท่าไรนัก แล้วเหมาะแก่อะไรละ?? อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง ผมเลือกของแรกเป็นหลัก ผสมด้วยข้อสอง และไม่ละข้อสาม!   เหตุที่ผมไม่สามารถไปเที่ยวกับเพื่อนๆได้ นั่น เพราะติดงานศพครับ ผู้วายชนม์เป็นอดีตข้าราชการทหารผู้ยิ่งใหญ่ ทำคุณประโยชน์แก่สยามประเทศเป็นอเนกอนันต์ ในอดีตท่านเคยออกรบในสงครามเวียดนามในนาม “จงอางศึก” และทำคุณประโยชน์ในฐานะชายชาติทหารแก่ประเทศชาติอย่างมากมาย ด้วยคุณงามความดีนี่เอง ในงานศพถึงคลาคลำด้วยแขกมากหน้าหลายตา และที่ยิ่งไปกว่านั้น คือ ท่านได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เมื่อพระองค์ท่านทราบข่าวก็เสียชีวิต ก็ทรงประทานพวงหรีด เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้เสียชีวิตและครอบครัว ผมได้มีโอกาสไปที่บ้านของอดีตนายทหารผู้ยิ่งใหญ่ จึงได้พบเบื้องหลังแห่งความยิ่งใหญ่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาพความยิ่งใหญ่, บันทึกต่างๆที่ท่านเขียนบันทึกไว้ตลอด(ผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตทุกคนรักการอ่านและการบันทึก ข้อนี้ผมได้ยินมาจากหลายๆท่าน) รวมถึงหนังสือหลากหลาย และหนังสือกองหนึ่งที่สะดุดตาผมยิ่งนัก นั่นคือ หนังสือนิยาย “ผู้ชนะสิบทิศ” โดยยาขอบ แต่ละเล่มมีความหนากว่า 500 หน้า พิมพ์แบบเก่า หนังสือมีความเก่าแก่หน้ากระดาษออกสีเหลืองจนซีด รวมทั้งหมด 10 เล่ม ผมลองหยิบเล่มหนึ่งมาอ่านคำนำที่ยาวเกือบ 5 หน้า เป็นหนังสือที่มีคำนำจากผู้เขียนยาวมาก จึงพบว่า คำนำนี้มิใช่คำนำอย่างหนังสือทั่วๆไป แต่เป็นคำนำที่ผู้เขียนได้กล่าวแก้ต่างจากมีผู้โจมดีในสมัยนั้น เกี่ยวกับเรื่องที่ท่านเขียน โดยถูกกล่าวหาว่าไปลอกคนอื่นบ้าง ไม่ได้คิดเองบ้าง ต่างๆนานาๆ ก็ไม่แปลกใจใครที่ดัง มีชื่อขึ้นมา มักจะเจอข้อกล่าวหาทั้งสิ้น อาจจะแตกต่างกันไปตามลักษณะการกล่าวอ้าง นอกจากนี้ท่านยังได้กล่าวขอบคุณ กล่าวถึงความยากลำบากในการประพันธ์ รวมถึงการกล่าวฝากฝังหนังสือยิ่งใหญ่ไว้ในแผ่นดิน   พออ่านคำนำจบ ก็ให้เกิดความกระหายอยากอ่านเนื้อหา ก็เลยอ่าน ตั้งใจว่าจะอ่านฆ่าเวลา อ่านผ่านไปบทแรก บทสอง บทสาม ก็เกิดความติดใจในรสประพันธ์ประหนึ่งกวางติดใจในรสหญ้าอ่อน ศัพท์สำนวนล้วนเป็นภาษาเก่า ต้องทำความเข้าใจ แต่กระนั้นก็หาใช่อุปสรรคไม่ ยิ่งอ่านก็ยิ่งสนุก ยิ่งอ่านก็ยิ่งวางไม่ลง ใครที่เคยอ่านแฮรี่พ็อตเตอร์แล้วติดงอมแงมวางไม่ลง ก็คงจะเข้าใจอาการนี้ของผมได้อย่างดี วางไม่ลง พอหลับตาลงก็ฝันถึง..   ผู้ชนะสิบทิศ เคยเป็นละครที่ยิ่งใหญ่ในอดีต…

แบ่งตามหมวด

  • say (9)
  • กลอน (1)
  • คุยกับคอม (9)
  • ช่วยชิม (11)
  • ท่องเที่ยว (62)
  • บ่น (35)
  • บ้านบ้าน (16)
  • พูดจาภาษาฝรั่ง (9)
  • วิ่ง (26)
  • สุขกะภาพ (74)
  • เพลงสั้น (11)
  • เรื่องทั่วไป (87)
  • เรื่องยาว (9)
  • เรื่องสั้นสั้น (53)
  • แมคบุค (4)
  • ไดอารี่ (63)

Copyright © 2020. All rights reserved.

Contact me : nevikup@gmail.com
Facebook.com/aroundmeTH