Skip to content

N E V I K U P

Find your Heart, Find the Happiness.

☰
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ

นักการเมือง

ไอ้แมลงสาป อ่านต่อ

ไอ้แมลงสาป

ไดอารี่ 4 April 2011

ขณะนี้ประเทศไทยมีปัญหามากมายรุมเร้า (คงไม่ต้องบอกว่าปัญหาอะไรบ้าง) เรื่องของดินฟ้าอากาศอันเป็นภัยธรรมชาตินะไม่เท่าไร คนไทยเราช่วยกันได้ แต่ปัญหาหนักอกหนักใจ และไม่รู้เมื่อไรมันจะจบซักที นั่นคือปัญหา “ความสามัคคี” ของคนในชาติ มันเป็นปัญหาเก่าที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อสมัยกรุงศรี ครั้งนั้นทำให้เราต้องเสียบ้านเสียเมืองกันเลยทีเดียว แต่เราก็ไม่เข็ด!! เราเรียนประวัติศาตร์ แต่ไม่รู้ประวัติศาตร์ เรียนเพราะมันมีในตำราเรียน แต่ไม่รู้ที่จะนำมาเป็นบทเรียน เรามักภูมิใจในแผ่นดินของเรา ในความเป็นไทยของเราว่าอุดมสมบูรณ์ ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใส บ้านเมืองเต็มไปด้วยวัดวาอารามผู้คนใจดี ผมไม่แน่ใจว่าสิ่งที่พูดนั้นหมายถึงไทยเมื่อกี่ร้อยปีมาแล้ว ตั้งแต่เกิดมาและอ่านหนังสือพิมพ์เป็น ก็มีแต่ข่าวฆ่ากันตาย แผ่นดินอุดมสมบูรณ์ก็ไม่ได้หมายถึงคนในแผ่นดินนั้นจะเป็นคนดี ญี่ปุ่นประเทศเขาเป็นเกาะ เคยประสบทั้งแผ่นดินไหวครั้งใหญ่และประวัติศาตร์อันขมขื่นเรื่องการแพ้สงคราม ประเทศเขาเทียบกับเราไม่ได้เลยเรื่องความอุดมสมบูรณ์ แต่ดูเขาสิ เขามีวินัย เขารักชาติ ประเทศเขาเจริญไปไกลกว่าเราแค่ไหน!! ไม่มีความรู้ขนาดจะวิเคราะห์ได้ว่า ทำไมและเพราะอะไรชาติไทยถึงเป็นอย่างนี้ แต่ที่พูดคือพูดเท่าที่เห็นที่รู้จากความรู้แค่ห่างอึ่ง ผมว่าปัญหาใหญ่และไม่หมดไปจากบ้านเมืองเราซักที นั่นคือ ปัญหาเรื่องโกงกิน และ เห็นแก่ตัว ไอ้สองตัวนี้ยิ่งมีมากประเทศชาติยิ่งแย่ และนับวันมันจะยิ่งซับซ้อนจนยากจับได้เหมือนแมลงสาป ยาฆ่าแมลงสาปตัวเก่าๆ ไม่สามารถฆ่าแมลงสาปตัวใหม่ๆได้แล้ว เพราะมันมีภูมิต้านฐานเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่มันเจอยาฆ่าแมลงขนานใหม่ ไอ้พวกโกงกินก็เหมือนกัน มันคิดค้นวิธีโกงใหม่ๆอยู่เสมอจนยากจะจับได้ ถึงไม่มียาขนานดีที่พอจะกำจัดแมลงสาปร้ายได้ แต่ผมว่าจะดีไม่น้อยถ้าทุกคนพร้อมใจที่จะไม่เลี้ยงแมลงสาปไว้ เลือกตั้งครั้งหน้า อย่าเลือกแมลงสาปมานะครับ เพราะเราจะกำจัดมันยากกว่าเดิมเยอะเลย

นักการเมือง แมลงสาป โกงกิน

อกหัก

เรื่องทั่วไป, ไดอารี่ 27 January 2010

อยู่ดีๆ ผมก็กลายเป็นผู้ชายใจร้าย หักอกผู้หญิงโดยไม่รู้ตัว ย้อนไปเมื่อ 3 ปีก่อน ผมได้รับโทรศัพท์เบอร์แปลกๆ ตอนนั้นยังไม่มีข่าว “โทรศัพท์มรณะ” ก็รับปกติ ปรากฏว่าเป็นหญิงสาวเสียงสดใส วัยน่ารัก พอรับโทรศัพท์ถึงได้รู้ว่า เธอโทรผิด (จะโดยตั้งใจโทรผิดหรือผิดจริง อันนี้ผมไม่ทราบ) แต่เธอก็ชวนผมคุยเป็นวรรคเป็นเวรเกือบชั่วโมง ตอนนั้นผมไม่มีธุระปะปังที่ไหน ก็เลยคุยด้วยได้ เป็นการคุยกับคนที่ไม่รู้จักชื่อและหน้าตามาก่อนนานที่สุดเป็นครั้งแรก เพราะโดยปกติถ้ามีคนโทรผิดมา ก็แค่ขอโทษและวางหูไป ไม่เคยมีใครมาเปิดประเด็นถามถึงเรื่องโน้นเรื่องนี้ อยู่ที่ไหนเหรอ? ทำงานอะไร? ชื่ออะไร ฯลฯ หลังจากวันนั้น เธอก็โทรมาอีกเป็นระยะ แต่ไม่ทุกวัน อาจจะเดือนละ 3-4 ครั้งอย่างต่อเนื่อง บางเดือนก็หายไป แล้วก็กลับมาใหม่ ครั้งล่าสุดเธอหายไปเกือบปี พอโทรอีกที เธอบอกว่า ไปแต่งงานมา ผมก็ตกใจ เพราะเธอพึ่งอายุ 17 และยังเรียนอยู่เลย เธอบอก “เรียนแล้วปวดหัว ……” (ให้ผู้อ่านเติมเอาเองนะครับ ลองตอบกันเล่นๆในคอมเมนต์ดู)  ผมก็แนะนำอย่างผู้ใหญ่แนะนำเด็กไปว่า มีสามีแล้ว ก็ประหยัดเน้อ ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องโทรมา เดี๋ยวจะทะเลาะกับสามีเปล่าๆ เธอก็หายไปพักใหญ่ๆ แล้วก็โทรมาอีก คราวนี้บอกมีปัญหากับสามี และอาจรุนแรงถึงขั้นเลิกกัน ทราบมาว่าสามีเธอติดสารเสพติดครับ เธอบอกว่า สามีเธอติดกาว  (บางทีสารเสพติดนี่ก็บอกระดับของคนได้เหมือนกันนะ) ตอนนี้แหละที่เธอโทรบ่อยขึ้น เกือบทุกวันและวันละหลายๆรอบ ตื่นเช้าก่อนผมจะลุกอาบน้ำแปรงฟันไปทำงาน เธอก็โทรมาก่อนละ โทรมาก็ไม่มีอะไร ถามว่าตื่นรึยัง แต่ส่วนใหญ่ผมไม่ได้รับโทรศัพท์ แรกๆก็สอนก็บอกก็ปลอบใจ เพราะรู้พึ่งเลิกกับสามีที่อยู่กันมาปีกว่า แต่หลังๆชักรำคาญ เพราะเธอนอกจากจะไม่เสียใจต่อการเลิกรากับสามีแล้ว ยังมีนิสัยเป็นเด็กรักสนุก ขี้เหงา เอาแต่โทร ครั้งหนึ่งขณะที่คุยโทรศัพท์กับผมอยู่นั้น มีเพื่อนผู้หญิงเดินผ่านมาแล้วถามเธอว่าคุยกับใคร เธอตอบเขาไปว่า คุยกับกิ๊ก กิ๊ก? ผมเกลียดคำนี้ และที่ไม่เข้าใจสุดๆคือ ผมไปยินยอมพร้อมใจเป็นกิ๊กให้เธอตั้งแต่เมื่อไรกัน ตั้งแต่วันนั้น ผมก็ตั้งใจจะไม่คุยกับเธอคนนี้อีกแล้วละ เธอโทรมาหลายครั้งผมก็ไม่รับ แต่เธอก็ยังโทรมาทุกวันๆ จนผมคิดว่า ไม่น่าจะเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง ต้องคุยกับเธอให้ชัดๆ ว่าไม่ต้องโทรมา ไม่ต้องคุยกันอีกแล้ว ไม่ชอบ พอรับโทรศัพท์ หลังจากที่ไม่รับมาหลายครั้ง เธอทำน้ำเสียงเหมือนคนเสียใจมากที่ผมหายไป ทำท่าจะร้องไห้ (เฮ้อ!!) ผมก็ว่าใส่เธอไปชุดใหญ่ เหตุผลคือไม่ต้องการให้เธอโทรมาอีก…

แสงดาว

ทรัพย์อันประเสริฐ..เกิดในสันดาน

เรื่องทั่วไป 18 January 2010

ความสุขของปุถุชนเฉกเช่นพวกเรา คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ความสุขสูงสุดในชีวิตคือ เงิน อัตราความสุขจะสูงหรือต่ำ เงินคือมาตรวัด  เพราะเงินสามารถซื้อความสุขได้สารพัดอย่าง ซื้อความสะดวกสบาย ซื้ออาหารที่ชอบ ซื้อผู้หญิงที่ใช่ ซื้อความรัก(?) (กรณีความรักนี่ ผมไม่แน่ใจว่า เขาสามารถซื้อได้จริงหรือไม่นะ เพราะหากความรักสามารถซื้อได้ด้วยเงิน เมื่อไรที่เงินหมด ความรักก็จะหมดเช่นกัน) เนื่องจากยังไม่เคยเป็นคนมีเงินมากมายถึงขนาดสามารถซื้อโน่นซื้อนี่ได้แบบไม่ต้องคิดอย่างนั้น เลยไม่สามารถให้คำตอบได้ว่า เงินมาก เท่ากับ สุขมาก จริงหรือไม่? รอให้มีเงินเยอะๆก่อน แล้วจะมาบอกว่า มีเงินเยอะแล้วสุขเยอะจริงมั้ย? ผมว่า สุขหรือทุกข์ มันอยู่แค่ กินได้ และนอนหลับมั้ย? ประเภทที่ว่า กินก็ไม่ค่อยได้ ได้นิดหน่อยก็หาความอร่อยไม่เจอ อาหารเต็มโต๊ะหรูหราแต่นั่งกินคนเดียว ลูกก็ไม่อยู่ ภรรยาก็ไปเที่ยว  เวลานอนก็มือก่ายหน้าผาก คนที่นอนข้างๆก็ไปจ้างเขามานอนด้วย หน้าตาหยั่งกะนางฟ้า อายุเท่ากับลูกสาวตัวเอง รู้สึกเหมือนนอนกับลูกสาว ..นี่เราจะมีอะไรกับลูกสาวตัวเองเหรอเนี่ยะ?? บริวาร ลูกน้อง เดินห้อมล้อม ยกมือไหว้ ธาตุแท้มิได้ไหว้เราเลย มันไหว้เงินของเราต่างหาก สรุปนี่ สุขหรือทุกข์กันแน่นะ มองดูตามียายมา ตาสายายสี ตาดียายดำ ทำงานง่กๆ ทั้งวัน เหนื่อยมากก็กินข้าวได้มาก เอร็ดอร่อยลูกหลานห้อมล้อมแย่งกันกิน แป๊บเดียวกับข้าวหมดจาน พอตกกลางคืนยังไม่ทัน 2 ทุ่มดี ก็หลับเป็นตาย กินอิ่ม นอนหลับ ..ก็สุขใจ ในพุทธศาสนาบอกไว้ว่า แท้จริงทรัพย์ที่มีค่าที่สุด คือทรัพย์ที่มีอยู่ในสันดานของเรานี่เอง เรียกว่า อริยทรัพย์ มี ๗ อย่าง ๑.  สัทธา เชื่อสิ่งที่ควรเชื่อ ๒.  สีล รักษา กาย วาจา ให้เรียบร้อย ๓.  หิริ ความละอายต่อบาปทุจริต ๔.  โอตตัปปะ สะดุ้งกลัวต่อบาป ๕.  พาหุสัจจะ ความเป็นคนเคยได้ยินได้ฟังมาก คือ จำทรงธรรมและรู้ศิลปวิทยามาก ๖.  จาคะ สละให้ปันสิ่งของของตนให้แก่คนที่ควรให้ปัน ๗.  ปัญญา รอบรู้สิ่งที่เป็นประโยชน์…

ธรรม

ชิงเถิดหมา

ไดอารี่ 20 February 2011

ถ้าพูดถึง “พงษ์พัฒน์ วชิระบรรจง” หลายๆคนก็คงจะคิดภาพผู้ชายดิบๆ เถื่อนๆ สมัยวัยรุ่นเป็นนักร้องร็อค เพลงกวนตีนอย่าง ครายจะทำมาย หรือเพลงที่โดนใจจิ๊กโก๋อย่าง หัวใจนักเลง เพลงซึ่งๆอย่าง สั่งเสีย และอื่นๆอีกมากมาย ภายหลังนักร้องร็อครุ่นใหญ่ได้มาเอาดีทางการแสดง ก็จัดได้ว่าเป็นนักแสดงขั้นเทพคนหนึ่ง จนปัจจุบันขึ้นแท่นเป็นผู้กำกับเต็มตัว สร้างชื่อให้ตัวเองโด่งดังจากเรื่อง Be myself ขอให้รักจงเจริญ และเรื่อง Happy Birthday ส่วนงานละครก็มีให้ชมอย่างต่อเนื่อง เรียกว่าฝีมือเป็นที่ถูกอกถูกใจคอหนังคอละครทีเดียว จนมาถึงเรื่องล่าสุด “ชิงหมาเถิด” ทีแรกก็คิดว่าเป็นหนังตลก เพราะดูจากตัวอย่างหนังที่ตัดมา มีแต่ฉากตลก แต่พอได้ดูจึงรู้ว่าเป็นหนังเสียดสีแดกดันประชดประชันสังคมแทบจะถูกอณูหนัง คือทุกฉากมีการแอบกัดแอบประชดสังคมตลอด อยู่ที่ว่าผู้ดูสามารถตีความหรือดูออกหรือไม่? หนังเล่าถึงยุคที่สังคมเป็นโรคบ้าเห่อ ในหนังทุกคนกำลังเห่อสัตว์ตัวหนึ่งที่เรียกกันว่าเป็น “หมาหิมะ” หมาหิมะเป็นขวัญใจของคนทั้งประเทศ ยกเว้นสามคน คือ ลูกเจ้าของหมาหิมะที่พ่อสนใจแต่หมาจนไม่สนใจตน รู้สึกตัวเองว่าถูกหมาหิมะแย่งความรักไปจนหมด อีกคนคือ “เด่น” ผู้ถูกให้ออกจากงาน เพราะไม่เอาการเอางาน แต่พาลไปโกรธ “หมาหิมะ” พยายามประท้วงเรียกร้องความเป็นธรรม แต่ก็ไร้ผล และอีกคนคือ “อาท” เด็กอัจฉริยะทางด้านคอมพิวเตอร์ที่เคยเป็นข่าวโด่งดังทางหน้าหนังสือพิมพ์ แต่แล้วทุกคนก็ลืมเขาผู้เป็นเด็กอัจฉริยะ หันไปสนใจและกล่าวถึงแต่หมาหิมะ จนเขารู้สึกมั่นไส้จึงเขียนประกาศในห้องน้ำชายว่า เขาจะลักหมาหิมะมาให้ดู หนังก็เล่าถึงระบบรักษาความปลอดภัยหมาหิมะขั้นสูง พอๆกับระบบรักษาความปลอดภัยของภาพโมนาลิซ่า หรือเพชรพันล้าน  ภาพตอนผ่านเข้าไปทีละขั้น ดูไฮเทคดี แต่พอตัดมาที่ฉากบัญชาการภายใต้ระบบที่โคตรไฮเทคนั้น โลเทคสิ้นดี มีคอมพิวเตอร์เก่าๆ 4-5ตัว และเจ้าหน้าที่หน้าตาโบราณเหมือนข้าราชการแก่ที่ไม่ค่อยรู้จักคอมพิวเตอร์นั่งบัญชาการอยู่ สภาพห้องยิ่งหดหู่ ฉากที่แดกดันประชดประชันมากที่สุดคงเป็นฉากที่ผู้บัญชาการตำรวจกำลังนำทีมสืบหาหมาหิมะที่หายไป แต่แล้วนายตำรวจท่านหนึ่งก็เข้ามารายงานว่า จังหวัดหนึ่งของประเทศกำลังถูกยึดไปแล้ว ผู้บัญชาการตำรวจกล่าวด้วยเสียงมีอารมณ์ว่า “ประเทศเรามีหลายจังหวัด เสียไปจังหวัดเดียวก็เท่ากับเสียไปแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเสียหมาหิมะที่มีแค่ตัวเดียวในโลกเท่ากับเสียไป 100 ปอร์เซ็นต์ เท่านี้พวกคุณก็เรียงลำดับความสำคัญไม่ได้!!” แต่โดยรวมแล้วหนังก็สนุกดี ส่วนหนึ่งเพราะได้นักแสดงคุณภาพอย่าง บอย ปกรณ์  โก๊ะตี๋ มีฉากซึ้งๆระหว่างพ่อกับลูกให้ซึ่งได้เหมือนกัน แต่ที่ยังสงสัยจนหนังจบแล้วยังไม่หายสงสัยคือ พี่อ็อฟ พงษ์พัฒน์ในเรื่องเป็นใคร??? ดูจนจบแล้วหนังก็ไม่บอกว่าพี่แกเป็นใครมาจากไหน ไล่ยิงชาวบ้านอย่างเดียว พอถามก็บอกแค่ว่า เป็นหน้าที่ !! ยังบอกไม่ได้ว่า หนังของพี่อ็อฟเรื่องเป็นหนังแนวไหน สันนิษฐานว่าเป็นหนังตามใจผู้กำกับที่พยายามจะถ่ายทอดสังคมปัจจุบันในมุมมองของพี่แกเอง ตอนจบเป็นยังไง ไม่ขอบอก เผื่อบางคนอยากไปดู แต่ถ้าใครดูแล้วได้คำตอบว่าพี่อ็อฟเป็นใคร รบกวนช่วยมาบอกด้วยนะ อยากรู้จริงๆ

ชิงหมาเถิด พงษ์พัฒน์

สุดเขต..สเลดเป็ด

บ้านบ้าน, เรื่องทั่วไป 23 January 201128 October 2015

ไม่ได้ดูหนังในโรงนานพอสมควร 1.ไม่มีเวลา 2. ไม่มีเงิน 1. ไม่มีเวลา ก็น่าจะจริง การดูหนังมันต้องเข้าไปดูในโรง นั่งรถไป รถก็ติด..เสียเวลา ไปถึงห้างจองตั๋วดูหนัง ใช่ว่าถึงปุ๊บ จะได้ดูหนังปั๊บ ต้องรออย่างน้อยๆ 30 นาที – 1 ชั่วโมง แล้วระหว่างนั้นทำอะไรละ เดินดูของ กินข้าว เสียเวลาและเสียตังค์ ในห้างมีของวางเรียงรายล่อกิเลสเรามากมาย ไม่ควักตังค์ซื้อบ้างถือเก่งโคตร 2.ไม่มีเงิน เงินสำหรับดูหนังนะมี แต่ไม่มีเงินสำหรับกิจกรรมระหว่างรอดูหนังและค่าโดยสารสำหรับไปดูหนัง!! ที่ผ่านมาก็เลยอาศัยดูหนังแผ่นจากร้านเช่า ถูกดีแผ่นละ 20 แต่ต้องรีบไปคืนภายใน 1 วัน!! ก่อนหน้าจะดูหนังในโรงครั้งล่าสุดนี้ ดูหนังแผ่นเรื่อง “กวน มึน โฮ” เป็นหนังไทยจากค่าย GTH ที่อยากดูตั้งแต่เข้าโรง แต่ติดปัญหาจาก 2 ข้อข้างต้น พึ่งได้ดูแผ่นก็ชอบ สนุก จนอยากจะดูซ้ำ แต่ยังไม่ได้ดู เพราะเช่ามาวันเดียว ดูได้รอบเดียวก็ต้องรีบเอาไปคืน เดี๋ยวเขาปรับ!! ล่าสุดดูหนังในโรงเรื่อง สนุกแบบไม่หยาบคาย ไม่ตลกพร่ำเพรื่อ แอบมีแง่คิดเล็กๆ ไม่ต้องมาก คนดูไม่ชอบหนังที่ต้องขบคิดเยอะชีวิตมันเครียดพอแล้ว ถ้าเข้าไปดูหนังแล้วต้องนั่งคิดตีโจทย์เหมือนหนังเรื่อง inception ก็ไม่ไหว เครียด ปวดหัว งง เหี้ย ห่าอะไรไม่รู้ ดูจบแล้วต้องมานั่งคิดต่อ แต่ก็ยังไม่หายงง หลายซีนในหนังเรื่องนี้มีแอบจิก กัดแบบน่ารักๆ การจิกกัดทำนองนี้เมื่่อก่อนเป็นแนวถนัดของยุทธเลิศ แต่ตอนหลังๆเฮียแกทิ้งไป หนังของแกแต่ละเรื่องเลยดูไม่จืด ไม่สนุก และไม่ใช่(สำหรับผม)อีกต่อไป ความเห็นสำหรับ..หนังเรื่องนี้ – ไหนว่าเป็นผู้ชายนับ 3 เจอนางเอกมากกว่า 3 ครั้ง แต่ยังพูดมาเต็มปากกว่า 3 ครั้ง – การจีบหญิงแบบพระเอก ก็แนวดีอยู่หรอก แต่ใช้ในชีวิตจริงไม่ได้ – คนหน้าตาเหี้ยๆ ถึงไปบอกหญิงว่าใจโคตรหล่อ เขาก็ไม่เชื่อหรอก จริงๆ – ชอบที่นางเอกบอกว่าไม่ชอบดูหนังภาคต่อ แต่ชอบดูเรื่องใหม่ (ความคิดนี้ใช้ได้กับเรื่องคนเหล็ก 3 ภาคต่อทำได้ห่วยแตก…

อนุตฺตรํ ปุญฺญกฺเขตฺตํ โลกสฺสาติ

เรื่องทั่วไป 9 May 2009

วันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญของพวกเราชาวพุทธอย่างยิ่ง ด้วยว่าเป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธองค์ทรงประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน. บางทีก็มีน้อยใจคนไทยนิดหน่อย ตรงที่ว่าไม่ค่อยจำได้เลยว่าวันวิสาขนี้มีความสำคัญอย่างไร ที่ยิ่งไปกว่านั้นบางคนจำไม่ค่อยได้เลยว่าวันนี้ของทุกปีตรงกับวันไหน..ทีวันวาเลนไทน์ละจำแม๊น แม่น ความสำคัญของวันนี้ที่เราๆชาวพุทธควรยึดถือปฏิบัติ คือ การบำเพ็ญทาน ศีล และภาวนา อันเป็นหัวใจของพุทธศาสนิกชน การแค่จำได้ว่าวันนี้เป็นวันอะไร ยังไม่พอ ต้องปฏิบัติและยึดมั่นในคำสอนด้วย ถึงจะได้ชื่อว่าพุทธศาสนิกตัวจริง..   เมื่อคืนไปเวียนเทียนที่วัดชลประทานฯ จ.นนทบุรี มาครับ วัดที่หลวงพ่อปัญญานันทะ ท่านอยู่นะครับ คนเยอะมาก เลยต้องยืนฟังเทศน์ด้านนอกพระอุโบสถ  เห็นคนมาเวียนเทียนแล้วก็ชื่นใจ มีตั้งแต่เด็กเล็กๆ คนหนุ่มสาว คนวัยกลางคน คนแก่ จนกระทั่งคนพิการเดินไม่ได้ คนพิการแขนขาดทั้งสองข้างก็ยังมา เห็นแล้วก็อิ่มเอมใจ แอบอนุโมทนาบุญกับเขาในใจ หลังจากเทศน์จบก็จะมีพิธีเวียนเทียนรอบพระอุโบสถ เดินเวียนสามรอบ ขณะเดินเวียนเทียนให้สวดบทสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ (อิติปิโส) ไปด้วย ที่นี่ จะไม่มีพระนำสวด ดังนั้น เราต้องเดินสวดไปเองเท่าที่จำได้ ผมจำได้แม่นสวดได้เองโดยไม่ต้องเปิดหนังสือ บทพระพุทธคุณ ผ่านไปสบาย บทพระธรรมคุณก็ได้ แต่พอมาถึงบทพระสังฆคุณ ตรงท่อนสุดท้าย หลังจาก อัญชลีกรณีโย แล้วอะไรต่อ สวดไม่ได้..ลืม เป็นแบบนี้มาสองครั้งแล้ว ครั้งแรกที่อัมพวา ไปเที่ยวแล้วเวียนเทียนที่นั่น สวดๆไปก็ติดตรงนี้เหมือนกัน ต้องไปถามพระท่านเอา ครั้งนี้เป็นอีกแล้ว..เดินๆคิดไปจนครบสองรอบ แต่พอรอบสามถึงคิดได้.. ท่อนที่ลืมทุกครั้งนั่นคือ ท่อนนี้ครับ อะนุตตะรัง ปุญญะเขตตัง โลกัสสาติ ท่อนสุดท้ายตอนใกล้จบ  วันนี้ก็เลยเอาบทสรรเสริญพระพุทธคุณมาลงซะเลย จะได้จำแม่นๆ ใครจะลองสวดก่อนนอนก็ดีนะครับ จะได้ฝันดี และมีแต่สิ่งดีๆในชีวิต บทสรรเสริญ พระพุทธคุณ อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสสะธัมมะสาระถิ สัตถาเทวะมนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ. บทสรรเสริญ พระธรรมคุณ สวากขาโต ภะคะวา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง…

อ่านต่อ

แวะฉี่ที่เขาใหญ่

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 20 July 20163 November 2017

ปกติจะไปเขาใหญ่ไม่ปลายปี ก็ต้นปี..แต่ครั้งนี้พอดีผ่าน และพอมีเวลาเหลือเลยแว่บไปซะหน่อย เห็นที่ป่าหญ้าโล่งๆ เขียวๆ เลยต้องแวะฉี่สักหน่อย หลังจากขับรถเที่ยวบนเขาใหญ่ได้สักพัก ก็แวะกลับมาทางเดิมซึ่งไม่ใช่ทางออกปากช่อง เลี้ยวซ้ายออกทางมวกเหล็ก ไปแวะทานข้าวที่ร้าน “ครัวภาคกลาง” ที่นี่อาหารอร่อย บรรยากาศดี แต่ถ้ามีคนเยอะอาหารจะได้ช้าหน่อย พึ่งมาเห็นว่าเคยถ่ายภาพที่นี่เมื่อหลายปีมาแล้ว ท่าอาจจะต่างกันนิดหน่อย แต่อารมณ์เดียวกันเด๊ะ หลังจากทานข้าวเสร็จซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก็มุ่งหน้ากลับบ้านทันทีครับ ทริปนี้เป็นทริปผ่านไม่ได้ค้าง มาไวไปไว ..แต่แค่อยากจะบอกว่า หน้าฝนเนี่ยะน่าเที่ยวไม่แพ้หน้าหนาวนะ เขียว สวย สดชื่น

เขาใหญ่
อ่านต่อ

3 วัน 2 คืน เที่ยวอินทนนท์..กางเต๊นท์นอนกับอากาศ 3 องศา

ท่องเที่ยว 8 December 201917 March 2020

เที่ยวอินทนนท์มาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้อยากสัมผัสกับบรรยากาศหนาวจริงๆของอินทนนท์สักครั้งหนึ่ง จึงเป็นที่มาของทริป “3 วัน 2 คืน เที่ยวอินทนนท์..กางเต๊นท์นอน” ขอรวบรัดตัดความข้ามเรื่องการเดินทาง วาปทีเดียวมาโผล่ที่อินทนนท์เลยละกันนะครับ ฉากแรกของทริปนี้คือที่นี่ครับ โดยไม่ได้วางแผนมาก่อน คิดแค่ว่าขนเต๊นท์ขึ้นบนรถแล้วไปหาที่กางเอาดาบหน้าที่อินนทนนท์ เปิดกูเกิ้ลเห็นแว่บๆว่ามีที่กางเต๊นท์ชื่อชลธารวิว แต่พอไปถึงสถานที่จริง รู้สึกว่าไม่เหมือนที่คิดไว้สักเท่าไร ขณะขับออกมาจากตรงนั้นนิดหนึงก็พบที่แห่งนี้ครับ ค่ำคืนแรกในเต๊นท์บนอินทนนท์ หนาวสะใจมากครับ ..พอพระอาทิตย์ตกดินอากาศลดลงเหลือ 3 องศา หนาวจนหมูกระทะที่สั่งมากินหน้าเต๊นท์ไม่สามารถปิ้งย่างได้ ต้องรีบหลบเข้าเต๊นท์ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความหนาวลดลง หลังจากค่ำคืนที่หนาวเหน็บผ่านพ้นไป เช้ารุ่งขึ้นก็ยังอุตส่าแหกขี้หูขี้ตาขึ้นไปบนยอดดอยอินทนนท์อีกนะ เราว่าเราไปเช้าแล้วคือออกไปตอนตี 5 ครึ่ง ปรากฏว่ามีคนไปเช้ากว่าเราอีก คนบนนั้นเยอะจนรถติด สุดท้ายจึงลงมาหาข้าวกินข้างล่าง คืนที่สอง “ลานกางเต๊นท์ต้นสน อุทยานแห่งชาติอินทนนท์” อุทยานแห่งชาติอินทนนท์มีจุดกางเต๊นท์ที่เป็นของอุทยานและมีค่าบริการถูกมากครับเพียงคืนละ 50 บาท ที่นี่จึงเป็นที่พักสำหรับคืนที่สองของทริปนี้ และเช่นเคยครับ “นอนเต๊นท์” ข้อดีของคืนที่สอง คือ ที่นี่ความหนาวลดลง หรืออุ่นขึ้นนั่นเอง ที่นี่อากาศอยู่ที่ประมาณ 10 องศา (แต่ก็ยังหนาวอยู่ดีสำหรับผม) ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของที่นี่คือเดินไปไม่ไกลจากจุดกางเต๊นท์ที่เป็นป่าสนนี้ ก็จะมีร้านอาหารให้บริการอย่างหนาตา คืนที่สองนี้รู้สึกไม่โดดเดี่ยวเท่าคืนแรก มีนักท่องเที่ยวที่ชอบนอนเต๊นท์มากันอย่างหนาตา แต่ก็ไม่หนาแน่นจนอึกกระทึก เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากเก็บเต๊นท์รอจนน้ำค้างที่เกาะเต๊นท์แห้งดีแล้ว ก็เก็บข้าวของกลับบ้าน. ทริปนี้อยากสัมผัสความหนาวบนอินทนนท์ ก็ถือว่าได้ดั่งใจ ทริปหน้าไปไหนเดี๋ยวมาเล่าให้ฟัง

อินทนนท์
อ่านต่อ

พระเจ้าสร้างคนไทย(จริงหรือ)~

เรื่องทั่วไป 16 May 201114 May 2016

ก็ไม่รู้ว่าใครแต่งเรื่องนี้อ่ะนะครับ แต่หลายๆเรื่องในปัจจุบันที่เกิดในบ้านเมืองเรา เห็นแล้วก็ได้แต่ เฮ้อ ..ๆ ๆ  ๆ  บ้านเมืองอื่นเป็นอย่างไรไม่รู้ ไม่เคยไป แต่เมืองไทย มีข่าว ..ขโมยสายไฟ ขโมยเสาธง ขโมยพระพุทธรูป ขโมยล้อรถ ขโมย ๆ ๆ ๆ ..ๆ  มีข่าวแปลกๆ ข่าวห่าเหวอะไรมากมายในทุกวงการ เมืองไทยที่เมื่อก่อนเคยทัดเทียมกับญี่ปุ่น ก็ถูกญี่ปุ่นทิ้งห่างแบบไม่เห็นฝุ่น ปัจจุบันกำลังจะถูกเวียดนามหรือลาวแซงหน้า และล่าสุดถูกเขมรตีหัว!! เมืองไทยเราโชคดี..แต่พวกเราๆเองไม่รู้ว่าตัวเองโชคดี พออ่านเมล์ฟอร์เวิร์ด(ด้านล่างนี้) ก็เลยเกิดอาการเห็นด้วย ฤๅพระเจ้าสร้างเรามาแบบนั้นจริงๆ ..ลองอ่านดูครับ (ไม่รู้ใครแต่งแต่โดน) กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว…เมื่อครั้งที่พระเจ้าสร้างโลก พระองค์มีถุงหนังใบใหญ่เอาไว้ใส่ ของวิเศษต่างๆมากมาย พระองค์เริ่มต้นด้วยการสร้างมหาสมุทรทั้ง 7 โดยหลักของการวางของวิเศษ พระองค์จะต้องวางทั้งของดีและของไม่ดี คู่กันไป เพื่อไม่ให้ประเทศหนึ่งประเทศใดสมบูรณ์ไปกว่าประเทศอื่นๆ ทรงเอาเทือกเขาร็อกกี้ น้ำตกไนแองการ่า วางไว้ให้อเมริกาแล้วก็เอาทะเลทรายอริโซน่า กับพายุทอนาโดวางไว้ด้วย เอาป่าอเมซอนวางไว้ให้บราซิล แต่ทรงเอาไข้ป่าวางไว้ให้ด้วย เอาขั้วแม่เหล็กโลกวางไว้ให้แคนาดา แต่ก็ทรงเอาความหนาวเย็นวางไว้ให้ด้วย เอาเทือกเขาหิมาลัยให้ธิเบตกับเนปาลเพื่อเป็นปราการกั้นข้าศึก แต่ก็เอาความเบาบางของอากาศ และความแห้งแล้งไว้ให้ด้วย ทุกประเทศจะได้ของคู่กันแบบนี้ทั้งหมด…..จึงไม่มีประเทศใดน้อยหน้ากว่ากัน คราวนี้พระองค์ทรงลืมประเทศ รูปขวานเล็กๆ ทางแหลมอินโดจีนทรงสะพายถุงวิเศษ แล้วก้าวข้ามเขาหิมาลัยไป แต่ด้วยความที่เขาสูงชันมาก เทือกเขาได้เกี่ยวถุงของพระเจ้าขาดข้าวของที่ดีๆ ที่เตรียมเอาไว้ให้ประเทศอื่นๆ เช่น ชายหาดสวยๆ ผืนดินอุดมสมบูรณ์ ศิลปะวัฒนธรรมดีๆ อาหารอร่อยที่สุดในโลก ดอกไม้ ผลไม้ ชายทะเล ก็เทไปกองรวมกันที่ประเทศไทยหมด ว้า !! แย่แล้ว พระเจ้าคิดว่าประเทศนี้ท่าทางต้องเจริญกว่าประเทศอื่นๆ ทั้งหมดแน่นอน พระเจ้าทรงมองหาภัยธรรมชาติที่จะมาถ่วงดุล แต่สายเสียแล้ว พระองค์ทรงเอาภูเขาไฟ กับแผ่นดินไหวให้ญี่ปุ่นไปแล้ว ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ ประเทศอื่นๆจะมาฟ้องร้องพระองค์ได้ว่า พระองค์ไม่ยุติธรรม จะมีภัยธรรมชาติอันใดหนอที่ จะทำให้ประเทศไทยไม่เจริญกว่าประเทศอื่นๆได้ เมื่อคิดได้เพื่อเป็นการป้องกัน ประเทศอันสมบูรณ์ที่สุดในโลกนี้ไม่ให้เจริญล้ำไปกว่าที่อื่นๆ พระองค์ก็เลยสร้างคนไทยขึ้นมา!!

คนไทย พระเจ้า

เคนดะอิจิ ยอดนักสืบ

เรื่องทั่วไป 10 November 2009

การนั่งในรถนานๆโดยไม่น่าเบื่อ ไม่หงุดหงิด และไม่หิวเลย คิดว่าเป็นไปได้มั้ย? ในกรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ฯ ของเราเนี่ยะ ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงภาวะรถติดได้เลย ต่อให้มีตังค์มากก็เหอะ ต้องมีสักครั้ง หรือหลายๆครั้งที่ต้องทนนั่งรอรถติด โดยเฉพาะผู้อาศัยรถเมล์เป็นเครื่องเดินทาง และโดยเฉพาะในช่วงนี้ ช่วงที่กทม.กำลังเร่งปรับปรุงสะพานในหลายๆจุด  รถที่เคยติดอยู่แล้ว ก็ทวีความมหาติดอีกเป็นหลายเท่าตัว นี่ไม่นับเหตุการณ์ประท้วง หรือชุมนุมตามท้องถนนอีกนะ ถ้าบังเอิญเกิดขึ้นในเส้นทางที่เรากำลังสัญจรอยู่ด้วยละคุณเอ๊ย..อยากจะร้องไห้เป็นภาษาละติน ความน่าเบื่อที่ต้องติดอยู่ในรถนั้นจะหมดไปครับ วันนี้ผมพบทางออกที่แสนสดใสแล้วครับ ผมไม่ค่อยได้เดินทางด้วยรถเมล์เท่าไร เพราะบ้านอยู่ใกล้ที่ทำงานเพียง 2 ป้ายรถเมล์ ตอนเช้าๆอาศัยเดินชมนกชมไม้ ชมหญิง ชมควาย(ขับรถ)บางคน ไม่ต้องง้อรถราที่ติดขัด ตอนเย็นก็เดินกลับเช่นกัน ปัญหาการเดินทางของผมแทบไม่มี แต่เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา มีเหตุที่ต้องเดินทางค่อนข้างไกล จากพัฒนาการ สู่ปากเกร็ด ผมอาศัยรถเมโทรบัส สาย 35 คันสีขาวๆ หน้าตาดี มีทีวีให้ดูนั่นแหละครับ เส้นทางจากพัฒนาไปสู่ปากเกร็ดต้องวิ่งบนถนนเพชรบุรีถนนสายโลกีย์อันเก่าแก่ ต้องผ่านแยกอโศกที่โคตรติด และผ่านสี่แยกประตูน้ำ แยกประตูน้ำที่ปกติก็โหดอยู่แล้วในเรื่องรถติด วันนี้ทะลึ่งมีกลุ่มคนมาประท้วงอีก..2+2 = 10 เลยละครับพี่น้อง รถเมโทรบัสนิ่งสนิท ทุกคนดูกระวนกระวาย แต่ผมไม่ ..เพราะอะไรนะหรือ วันนี้ผมมีหนังสือติดกระเป๋ามาด้วยเล่มหนึ่ง เรื่อง เคนดะอิจิ ยอดนักสืบ เคนดะอิจิ ยอดนักสืบ เป็นหนังสือนิยายแนวสืบสวนสอบสวนของญี่ปุ่นที่มีคดีสะเทือนขวัญเยอะแยะมากมาย ล้วนแต่น่ากลัว ซับซ้อนซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศ หญิงคิดคด ชายกบฏ รถระเบิด ฯลฯ  มีหลายภาคหลายตอนครับ เล่มที่อยู่ในมือผมขณะนี้ คือ ตอนเจดีย์สามเศียร ไม่น่าเชื่อว่าผมติดอยู่บนรถเมล์ตั้งเกือบ 3 ชั่วโมง แต่ไม่รู้สึกเบื่อ หงุดหงิด ง่วงนอน หรือหิว อย่างที่ควรจะเป็น ทั้งที่ตอนนั้นเป็นเวลาระหว่าง 6 โมงเย็น – 2 ทุ่ม อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศในรถที่เอื้อตอนการอ่านหนังสือ บวกกับหนังสือที่สนุกอ่านแล้ว น่าติดตาม น่าสงสัย ชวนให้อยากรู้ ผมมักตั้งคำถามและเดาเหตุการณ์ในคดีของเคนดะอิจิเสมอ แต่เดาถูกเพียงเล็กน้อย เมื่อตอนจบมักมีการผลิกล็อกแบบคาดไม่ถึงเสมอ และนั่นคือเสน่ห์ของเรื่อง ทั้งผู้เขียนคือ โยโคมิโซะ  ชิชิ และผู้แปล มนาด ศีติสาร ได้ใส่อรรถรสและความลึกลับซับซ้อน…

เคนดะอิจิ

หลับตา..หาสติ

ไดอารี่ 29 April 2011

เวลาเกิดอุบัติเหตุสิ่งที่ต้องรีบทำที่สุดนอกจากควานหาสติ นั่นคือต้องระงับอารมณ์ อุบัติเหตุที่ว่าหมายถึงอุบัติเหตุที่เกิดจากรถยนต์ หลายครั้งที่คนอารมณ์ดีๆ กลับต้องหงุดหงิดเสียอารมณ์ถึงขั้นทำร้ายทุบตีหรือยิงกันตายด้วยสาเหตุแค่รถยนต์เฉี่ยวกัน อุบัติเหตุบนถนน ทำให้รถติด เสียเวลา เสียเวลาสำคัญที่สุด เพราะไม่ใช่แค่เสียเวลาบนถนนที่ต้องรอประกันมาเคลมเท่านั้น แต่หมายถึงต้องเสียเวลาต้องนำรถไปซ่อมอู่อีกเป็นอาทิตย์ หรือก็เป็นเดือนๆ แล้วระหว่างที่รถกำลังซ่อมอยู่ละ?? ไม่ได้เป็นเศรษฐีมีโชว์รูมในบ้าน จันทร์ขับวอลโว่ อังคารขับเบนซ์ พุธขับบีเอ็ม พฤหัสขับมินิ ศุกร์ขับปอเช่ซะที่ไหน มีรถเพียงคันเดียว พอมันมีปัญหาก็เป็นปัญหากันหมด อุบัติเหตุ บางครั้งเกิดขึ้นเพียงนิดเดียว แต่ด้วยความไม่รู้จักระงับอารมณ์ และควานหาสติไม่เจอ จึงเกิดความสูญเสียที่ร้ายแรงขึ้น เมื่อเกิดอุบัติ(ที่ใครก็ไม่อยากให้เกิด) ตั้งสติ ระงับอารมณ์โทสะ ถึงเราจะผิดหรือไม่ก็ตาม ถึงอีกฝ่ายจะบันดาลโทสะมากก็ตาม ปั้นหน้าให้ปกติแล้วรีบกล่าวขอโทษถ้ารู้ตัวว่าผิด ลองคิดภาพว่าทั้งสองฝ่า่ยบันดาลโทสะระเบิดอารมณ์ใส่กัน ..กลางถนนอันร้อนระอุ อารมณ์ที่ร้อนเร่า มันจะจบอย่างไร? ปล. พึ่งเกิดอุบัติเหตุ 2 ครั้งใน 1 อาทิตย์ ถูกชนท้าย กับ ถูกถอยมาชนหน้า ควานหาสติแทบไม่ทัน..เฮ้อ

อุบัติเหตุ

แบ่งตามหมวด

  • say (8)
  • กลอน (1)
  • คุยกับคอม (9)
  • ช่วยชิม (11)
  • ท่องเที่ยว (61)
  • บ่น (35)
  • บ้านบ้าน (16)
  • พูดจาภาษาฝรั่ง (9)
  • วิ่ง (26)
  • สุขกะภาพ (74)
  • เพลงสั้น (11)
  • เรื่องทั่วไป (88)
  • เรื่องยาว (9)
  • เรื่องสั้นสั้น (52)
  • แมคบุค (4)
  • ไดอารี่ (63)

Copyright © 2020. All rights reserved.

Contact me : nevikup@gmail.com
Facebook.com/aroundmeTH